บมจ.มาสเตอร์ แอด ผู้ให้บริการ-รับจ้างผลิตสื่อโฆษณากลางแจ้ง เตรียมกระจายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป
25 ล้านหุ้น พาร์ 1 บาท เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) โดย บล.ไอบีเป็นที่ปรึกษาการเงิน
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานกรรมการ บริษัทมาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) (Maco)
กล่าวว่าบริษัทเป็นผู้นำธุรกิจสื่อโฆษณากลางแจ้งของไทยปัจจุบัน โดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ
บุกเบิกตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เช่น โครงสร้างเสาป้ายโฆษณาเดี่ยวที่แข็งแรง กินเนื้อที่น้อย
"ด้วยภูมิหลังที่ผมเป็นวิศวกร จึงมุ่งเน้นโครงสร้างเสา-ป้ายโฆษณา ที่แข็งแรง
เพื่อสร้างความพอใจให้ลูกค้า ขณะเดียวกัน ก็เน้นนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในวงการสื่อโฆษณากลางแจ้งในบ้านเรา
ซึ่งมักจะเป็นผู้ริเริ่มและบุกเบิกเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับธุรกิจนี้" นายนพดลกล่าว
บริษัทมาสเตอร์ แอดก่อตั้งปี 2531 กว่า 15 ปีแล้ว เริ่มดำเนินการปี 2532 โดยสร้างสรรค์และให้บริการ-รับจ้างสื่อโฆษณาและความบันเทิง
ประเภทภายนอกบ้าน (Out of home media & entertainment)
ก.ย.ปี 2539 บริษัทร่วมลงทุนกับบริษัท เคลียร์ ชาแนล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
(Clear Channel International) ผู้ผลิตสื่อป้ายโฆษณาชั้นนำจากอังกฤษ ตั้งบริษัทมาสเตอร์
แอนด์ มอร์ จำกัด ทำธุรกิจให้บริการ และผลิตสื่อป้ายโฆษณาขนาดเล็ก เช่น สยามสแควร์มีเดีย
BTS City Vision
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทย่อยอีกแห่ง คือบริษัท อิงค์เจ็ท อิมเมจเจส (ประเทศไทย)
จำกัด ก่อตั้งส.ค. 2539 โดยร่วมทุนกับบริษัทอิงค์เจ็ท อิมเมจเจส มาเลเซีย ดำเนินธุรกิจผลิตภาพโฆษณาระบบคอมพิวเตอร์อิงค์เจ็ทใช้สำหรับงาน
ทั้งภายใน-นอกอาคาร หลายรูปแบบ เช่น ป้ายโฆษณาบิลบอร์ด ป้ายโฆษณาไตรวิชั่น หรือป้าย
ที่เห็นได้ 3 ภาพใน 1 ภาพ แบนเนอร์ วอลเปเปอร์ ภาพโฆษณาสำหรับงานแสดงสินค้า เป็นต้น
บริษัทเป็นแห่งแรกและรายเดียวของธุรกิจ สื่อป้ายโฆษณาในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
ISO 9001: 2000 จากสถาบัน United Registrar of Systems Limited (URS) อังกฤษ
ชนะประมูลโฆษณาการรถไฟฯ
ช่วงปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าบริษัทชนะการประมูลการรถไฟแห่งประเทศไทยติดตั้งป้ายโฆษณากลางแจ้ง
3 สัมปทาน ซึ่งต้องติดตั้งป้าย โฆษณาระยะทางยาว 12 กิโลเมตร 117 ป้าย มูลค่าลงทุนประมาณ
150 ล้านบาท
เป็นสาเหตุหลักทำให้บริษัทต้องการกระจาย หุ้นให้ประชาชนทั่วไป 25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้
หุ้นละ 1 บาท เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลัก- ทรัพย์ใหม่ (MAI) โดยต้องการเงินทุนเพิ่มประมาณ
200 ล้านบาทเพื่อโครงการดังกล่าว โดย ราคาหุ้นที่จะขายประชาชนทั่วไปประมาณไม่เกิน
หุ้นละ 10 บาท สัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (PE) ประมาณ 14-20 เท่า