สมคิดดันเตมาเส็ก องค์กรยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์ ลงทุนไม่จำกัดจำนวนโครงการ-ปริมาณเงินในประเทศไทย
เน้น บริษัทที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้ว ทั้งใน-นอกตลาดหลักทรัพย์ โดย กบข.ป้อนข้อมูลให้
ยัน 2 ชาติเสริมซึ่งกันและกันได้ดี ดันให้เอเชียกลับมาผงาดอีกครั้ง ขณะที่ไทยมีศักยภาพเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้
ทั้งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวย ทรัพยากรธรรมชาติ มาก สิงคโปร์มีเงินลงทุน
พร้อมเข้ามาในไทยเพิ่มได้อีกมาก
เมื่อวันเสาร์ที่ 6 ก.ย. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธาน การลงนามบันทึกความเข้าใจ
(Memborandum of Understanding-MoU) ระหว่างเลขาธิการ กองทุนบำเหน็จ บำนาญข้าราชการของไทย
และกรรมการผู้จัดการ Temasek ซึ่งเป็นองค์กรด้านการลงทุนของสิงคโปร์ ที่มีกระทรวงการคลังลอดช่องเป็น
ผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมถึงภาคเอกชนสิงคโปร์
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามนายกรัฐมนตรี
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เยือนสิงคโปร์ กล่าวจากอดีตเกาะอาณานิคมอังกฤษแห่งนี้ การ
เซ็นสัญญาบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เนื่องจาก เตมาเส็กเห็นว่า เศรษฐกิจไทยถือได้ว่าปัจจุบันเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ขณะที่ปัจจุบัน เตมาเส็ก ซึ่งพื้นเพเชี่ยวชาญด้านท่าเรือ ได้ลงทุนที่ท่าเรือแหลมฉบังของ
ไทยอยู่แล้ว รวมถึงกำลังเจรจากับหลายๆองค์กร ในประเทศไทย เพื่อลงทุนทางด้านโครงการพื้น
ฐาน (Infrastructural projects)ต่างๆ เพิ่มเติม
ภายใต้ข้อตกลงตามสัญญา กบข.ในฐานะ นักลงทุนสถาบันของไทย ซึ่งมีพอร์ตการลงทุนรวมกว่า
2 แสนล้านบาท จะแบ่งข้อมูลการลงทุนโครงการต่าง ๆ ในประเทศไทยให้เตมาเส็ก รวมถึงข้อมูลบริษัทนอก-ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยเฉพาะบริษัทที่ปรับโครง สร้างหนี้กับสถาบันการเงิน และองค์กรที่เกี่ยว ข้องอื่น
ๆ แล้ว
"สิงคโปร์มีเงิน ขณะที่ประเทศไทยมีโครงการ และธุรกิจต่าง ๆ ที่น่าสนใจลงทุนสำหรับเตมาเส็ก
โดยข้อตกลงนี้ ไม่มีการจำกัดจำนวนโครงการ และปริมาณเงินลงทุนของเตมาเส็ก" นายสมคิดกล่าว
เขาเสริมว่า ฝ่ายสิงคโปร์สามารถ ลงทุนในประเทศไทยได้ทันที
นอกจากนี้ แม้ข้อตกลงกำหนดให้เตมาเส็ก เป็นนักลงทุนในโครงการต่าง ๆ ในประเทศไทย
โดยองค์กรชั้นนำของสิงคโปร์แห่งนี้ จะไม่ร่วมบริหารงานโครงการ หรือบริษัทที่องค์กรนี้ร่วมถือหุ้น
แต่เตมาเส็กก็พร้อมจะให้ความช่วยเหลือ ด้านการเงิน การบริหาร เพื่อให้โครงการ หรือ
บริษัทที่ร่วมลงทุน เดินหน้าต่อด้วยการประสบความสำเร็จอย่างดี
ดันเอเชียกลับมาผงาดอีกครั้ง
"ทางเตมาเส็กชวนประเทศไทย สนับสนุนบริษัทที่มีศักยภาพ ทั้งในประเทศไทย สิงคโปร์
รวมถึงประเทศเอเชียอื่น ๆ ร่วมสร้างธุรกิจเอเชีย ใช้เงินเอเชีย สร้างความแข็งแกร่งให้เอเชีย
เพื่อ ร่วมกันสร้างเอเชียให้กลับมาผงาดอีกครั้งในเวที โลก ซึ่งเราเห็นด้วยอย่างยิ่ง"
รองนายกรัฐมนตรี ไทยกล่าว ซึ่งจะช่วยสร้างความสมดุลให้ทวีปที่ประชากรมากที่สุดในโลกแห่งนี้
นอกจากนักลง ทุนต่างชาติ ที่ปัจจุบันเน้นลงทุนในจีน และอินเดีย อย่างมาก
เขากล่าวอีกว่า สิงคโปร์กับประเทศไทย สามารถเสริมกันได้ดี "ขณะที่ประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติมาก
รวมถึงมีศักยภาพระยะ ยาวที่จะเป็นศูนย์กลางภูมิภาคนี้ ทั้งในแง่ภูมิ-ศาสตร์ ที่ตั้งของประเทศ
สิงคโปร์มีเงิน พร้อมขยายการลงทุนในประเทศไทยได้ทันที"