Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 เมษายน 2552
เครื่องใช้ไฟฟ้าห้ำหั่นราคาเดือดผ่อนชำระเฟื่องโปรโมชั่นดึงดูด             
 


   
www resources

โฮมเพจ เพาเวอร์บาย

   
search resources

เพาเวอร์บาย, บจก.
Electric
สุทธิสาร จิราธิวัฒน์




ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2552 ยังห้ำหั่นด้านราคารุนแรง เพาเวอร์บายประเมินตลาดรวมเติบโตแค่ 4% พร้อมอัดงบประมาณ 400 ล้านบาท ผุดอีก 5 สาขาและลุยตลาดเต็มที่ วิเคราะห์ตลาดรวมแต่ละกลุ่มมีทั้งสดใสและทรงตัว

นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2552 ยังคงมีการแข่งขันด้านราคาอย่างมาก อย่างไรก็ตามสินค้าแต่ละกลุ่มมีแนวโน้มยอดขายดีขึ้น แต่ราคาต่อหน่วยลดลง ทำให้คาดว่าจะเติบโต 4% และราคาที่ปรับตัวลงทำให้มูลค่าตลาดรวมไม่น่าจะขยายตัวมากนักจากปี 2551 ภาพรวตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2552 คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 167,100 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่ม Major & Small App ประมาณ 35,400 ล้านบาท กลุ่มเอวี 41,800. ล้านบาท และกลุ่มดิจิตอลไอที 89,900 ล้านบาท

โดยยอดขายของเพาเวอร์บายในช่วงธ.ค. 2551 – ม.ค. 2552 ลดลงเฉลี่ย 5% เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่เดือน ก.พ. มี.ค. 52 ยอดขายเพิ่มขึ้น 3% เพราะการจัดอีเวนต์ใหญ่พร้อมโปรโมชั่น ขณะที่ยอดขายรวมในปี 2551 ของเพาเวอร์บายมีประมาณ 11,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2551 ประมาณ 5% และคาดว่าปี 2552 จะเติบโต 5-10% ซึ่งสินค้ากลุ่มมือถือลดลงต่อเนื่อง แต่กลุ่มอื่นเช่น เอวี เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านมียอดขายเพิ่มขึ้น โดยสินค้าขายดีของเพาเวอร์บายคือ แอลซีดีทีวี, ตู้เย็นและมือถือ(ในแง่จำนวน)

ทั้งนี้แผนธุรกิจของเพาเวอร์บายปี 2552 เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 300 ล้านบาท เปิดเพิ่มอีก 5 สาขา เฉลี่ยสาขาละ 60 ล้านบาท เป็นร้านขนาด 3,000 ตารางเมตร คือที่ พัทยา ขอนแก่น ชลบุรีและกรุงเทพที่ถนนศรีนครินทร์ และราชพฤกษ์ รวมทั้งการใช้งบตลาดอีก 100 กว่าล้านบาท และมีงบส่วนหนึ่งจากพันธมิตรธุรกิจอีกกว่า 200 ล้านบาท สำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โฆษณาประชาสัมพันธ์ ปรับเลย์เอาต์ เพิ่มเอสเคยู ต่างๆ ซึ่งในตลาดรวมมีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง เพาเวอร์บายจะเน้นนำเสนอเรื่องมูลค่าเพิ่มให้กับผู้บริโภคทั้งเรื่องการบริหาร การส่ง การติดตั้ง การรับประกันราคามากขึ้น โดยปัจจุบันเพาเวอร์บายมีสัดส่วนลูกค้าที่ซื้อสินค้าแบบผ่อนชำระเพิ่มขึ้นถึง 60% เงินสด 40% เพราะลุกค้านิยมซื้อผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น เพราะการแข่งขันโปรโมชั่น 0% และส่วนลดเพิ่มของผู้ให้บริการบัตรเครดิต

ล่าสุดเพาเวอร์บายจัดงาน เพาเวอร์บายเอ็กซ์โป ครั้งที่ 11 วันที่ 24 เม.ย.-5 พ.ค. 52 ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ใช้งบมากกว่า 60 ล้านบาท คาดหวังคนเข้างานกว่า 11 ล้านคน ตั้งเป้ายอดรายได้งานนี้ 400 ล้านบาท

นายสุทธิสารกล่าวถึงตลาดรวมในแต่ละกลุ่มว่า สินค้ากลุ่มภาพและเสียงประมาณว่า ยอดขายช่วง 3 เดือนแรกปี 2552 จะมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ย 5% และยอดขายในปี 2552 ของกลุ่มนี้ของเพาเวอร์บายเองคาดว่าจะเติบโต 2.53% โดยสินค้าที่ขายดี 3 อันดับแรกคือ แอลซีดีทีวี, โฮมเธียเตอร์และ เครื่องเล่นดีวีดี

ส่วนตลาดกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ผู้บริโภคส่วนหนึ่งจะหันมาซื้อสินค้าที่ราคาไม่แพง ทำให้ตลาดยังขยายตัวต่อเนื่อง เพราะราคากลุ่มนี้ลดลง และสินค้าครัวเรือนขนาดเล็กขยายตัวอัตราค่อนข้างต่ำ ยังอาศัยฤดูการขายเป็นตัวขับเคลื่อนเ เช่น แอร์ พัดลม จะขายดีในหน้าร้อน ซึ่ง 3 อันดับที่ขายดีคือ ตู้เย็น เครื่องซักผ้าและ เครื่องปรับอากาศ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแม้ว่าปริมาณการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าจะเติบโตได้ โดยบริษัทฯประมาณการว่าจะเติบโต 3.55% แต่การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ทำให้ราคาสินค้าต่อหน่วยมีราคาลดลง ทำให้มูลค่าตลาดรวมอาจขยายตัวตำกว่า 1% จากปีที่แล้ว คือประมาณ 35,400 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มสินค้าไอทีนั้น ในส่วนของโทรศัพท์เคลื่อนที่ การแข่งขันรุนแรงขึ้น ราคาเครื่องยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ผู้ประกอบการปรับลดราคาลงเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่วนตลาดคอมพิวเตอร์ ราคาลดลงเกือบ 50% และบางรายการลดลงถึง 80% แต่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและรวดเร็ว ชุมชนออนไลน์และการเติบโตของอินเทอร์เน็ตส่งผลให้คนไทยใช้สินค้าไอทีมากขึ้น ปัจจุบันคนไทยใช้คอมพิวเตอร์ประมาณ 12% เท่านัน้ ยังมีโอกาสอีกมาก

ส่วนตลาดกล้องนั้น ปีนี้กล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์ จะปรับลดราคาลงมาอย่างมาก 20% และมีแนวโน้มลงอีก แต่เทคโนโลยีจะถูกพัฒนาขึ้นอย่างมาก   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us