วันที่ 7 กรกฎาคม 2530 ยัสปาลแอนด์ซันส์ นับอายุของตัวเองได้ครบ 37 ปีบริบูรณ์
นับตั้งแต่ริเริ่มก้าวย่างเข้าสู่ถนนสายธุรกิจสายนี้ อายุเกือบ 4 ทศวรรษของยัสปาลแอนด์วันส์บนถนนสายนี้ค่อนข้างที่จะยาวนาน
มีความสำเร็จซ่อนอยู่เบื้องหลังให้กับผู้ริเริ่มและเป็นเจ้าของได้ภาคภูมิใจ
บริษัท ยัสปาลแอนด์ซันส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจอย่างเงียบ ๆ ลึก ๆ รู้กันภายในวงการอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องนอน
ห้องน้ำ กับเสื้อผ้าสำเร็จรูประดับสูงว่ายัสปาลแอนด์ซันส์คือยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมประเภทนี้
ยัสปาลแอนด์ซันส์ นอกจากจะเป็นเจ้าของแบรนด์ "ยัสปาล" ในเสื้อผ้าสำเร็จรูปในวงการแฟชั่นระดับสูงแล้ว
ยังเป็นเจ้าของแบรด์ "แซนตาส" บนเครื่องนอนและผ้าขนหนูอีกด้วย
ก่อนหน้าที่จะถึงครบรอบวันเกิดของตัวเอง ยัสปาลแอนด์ซันส์ เพิ่งจะทุ่มทุน
20 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตของตัวเองและย้ายโรงงานซอยนานาไปอยู่ที่ซอยสุขุมวิท
64 หยก ๆ การขยายกำลังการผลิตของตัวเองในครั้งนี้ เป็นการสั่งซื้อเครื่องจักรเย็บผ้านวมจากอิตาลี
มาติดตั้งเพิ่มอีก 3 เครื่องจากเดิมที่มีอยู่ 1 เครื่อง ทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นอีก
3 เท่าตัว
"วันนี้นอกจากจะเป็นวันที่เลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดแล้ว ยังเป็นการฉลองการขยายโรงงานเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของเราอีกด้วย"
ยัสปาล ซิงห์ ประธานกรรมการบริษัท ยัสปาลแอนด์ซันส์ จำกัดกล่าวกับ "ผู้จัดการ"
ในคืนงานเลี้ยงฉลองครบรอบ 37 ปีของยัสปาลแอนด์ซันส์ ณ ห้องแกรด์บอลรูม โรงแรมแชงกรีล่า
เมื่อคืนวันที่ 7 กรกฎาคม 2530 ที่ผ่านมา
แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนกว่า 1,000 คนหลั่งไหลเข้ามาในห้องแกรด์บอลรูมในคืนวันนั้นจนทำให้ห้องแกรนด์บอลรูมที่ว่าใหญ่โตของโรงแรมแชงกรีล่าคับแคบลงไปถนัด
บุคคลที่เด่นที่สุดในงานวันนั้นย่อมเป็นประธานของงานแต่ที่น่าแปลกใจก็คือประธานในงานคืนนั้นกลับไม่ใช่
ยัสปาลซิงห์ ประธานบริษัทยัสปาลแอนด์ซันส์ในปัจจุบันแต่กลับเป็นสัมฤทธิ์
จิราธิวัฒน์ ประธานกลุ่มเซ็นทรัลที่ใคร ๆ ต่างรู้จักกันดี
"สาเหตุที่เราเชิญคุณสัมฤทธิ์มาเป็นประธานในงานคืนนี้ก็เนื่องจากว่า
คุณสัมฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนไทย เราเองก็ค้าขายกับเซ็นทรัลมานานประมาณ
20 ปีมาแล้ว เราจึงสนิทสนมกับเซ็นทรัลมาก แลโดยส่วนตัวของผมแล้วผมก็สนิทสนมกับคุณสัมฤทธิ์มาตั้งแต่เด็ก
เราเรียนหนังสือที่อัสสัมชัญ บางรัก มาด้วยกัน" ยัสปาล ซิงห์ กล่าวกับ
"ผู้จัดการ"
งานในคืนวันนั้น เริ้มต้นด้วยการเลี้ยงแบบคอกเทล ภายในบริเวณงานมีห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งถูกจัดไว้สำหรับโชว์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทยัสปาล
แอนด์ ซันส์โดยเฉพาะ ผู้มาในงานสามารถเดินเข้าดินออกเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์เหล่านั้นได้ตลอดเวลา
ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายภายในงานเลี้ยงที่ค่อนข้างจะใหญ่โตนี้ "ผู้จัดการ"
ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ยัสปาล ซิงห์ ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเดินจิ้มอาหารรับประทานกันไปเรื่อย
ๆ แต่นับเวลาก็เกือบหนึ่งชั่วโมงเหมือนกัน
ยัสปาล ซิงห์ แขกโพกผ้าขาววัย 58 ปีผู้นี้ ไม่ใช่คนอินเดียที่เข้ามาค้าผ้าในเมืองไทยอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน
ยัสปาล ซิงห์เกิดในประเทศไทยนี้เอง ชีวิตในวัยเด็กของเขาเริ่มต้นที่พาหุรัด
"พ่อของผมอพยพเข้ามาในเมืองไทย ตั้งแต่สมัยที่ผมยังไม่เกิด ท่านมีอาชีพค้าผ้าขนหนูอยู่ที่พาหุรัดนั่นแหละ
เมื่อท่านเสียผมจึงรับกิจการค้าผ้าขนหนูนี้มาดำเนินงานต่อ เริ่มต้นชีวิตของผมจึงเป็นพ่อค้าผ้าขนหนูอยู่ที่พาหุรัด"
ยัสปาล ซิงห์ เล่าความหลักกับ "ผู้จัดการ"
ในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจ ยัสปาล ซิงห์ กับพี่ ๆ น้อง ๆ ต่างก็ค้าผ้าเร่อยู่ที่พาหุรัดเมื่อธุรกิจเร่มิดีขึ้นเป็นลำกับ
พวกเขาก็เริ่มสั่งผ้าขนหนูที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศเข้ามาขายในประเทศไทย
ในปี 2495 บริษัทของพวกเขาที่ตั้งชื่อกันว่า บริษัท คายานซิงห์ อาวดาร์
ซิงห์ยัสปาลสโตร์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงบทบาททางการค้าและการประกอบการของตัวเอง
เมื่อ อาวตาร์ ซิงห์ ประกาศตัวเองในการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัท
แคนนอนมิลส์ จำกัด แต่ผู้เดียวในประเทศไทย โดยได้รับอนุญาตจากบริษัทแคนนอนมิลส์
จำกัดของอเมริกาแล้ว
จากการที่ต่างคนต่างขายโดยให้บริษัทที่บิดาก่อตั้งไว้คือบริษัท คายาน ซิงห์
อาวตาร์ ซิงห์ ยัสปาลสโตร์ เป็นผู้สั่งผ้าขนหนูเข้ามาให้ต่างคนต่างขาย อาวตาร์
ซิงห์ พี่ชายคนโตก็อ้างสิทธิ์ ในการจำหน่ายผ้าขนหนูและผ้าปูที่นอนยี่ห้อแคนนอนไป
และตั้งบริษัทใหม่ของตัวเองชื่ เจพีอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นตัวแทนจำหน่าย
เช่นนี้ ทำให้ยัสปาลซิงห์ ต้องถอยร่นออกมาจากบริษัท และเริ่มมองหาเส้นทางของตัวเอง
การจดทะเบียนบริษัท ยัสปาล แอนด์ ซันส์ เริ่มขึ้นเมื่อ 37 ปีที่แล้ว ยัสปาล
ซิงห์ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับการสั่งผ้าขนหนูเข้ามาขายแล้วก็ติดตรายี่ห้อ "ยัสปาล"
ลงไป ถึงแม้จะไม่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ดังเช่นยี่ห้อแคนนอนของพี่ชาย แต่ยัสปาลซิงห์
ก็ดูจะมีความภาคภูมิใจไม่น้อย
นอกจากผ้าขนหนู ยัสปาลแอนด์ ซันส์ ยังได้ขยายธุรกิจของตัวเองออกไปทางผ้าปูที่นอนผ้าคลุมเตียง
ผ้านวม และชุดเครื่องนอนทั้งหมด ธุรกิจดำเนินไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
ถึงช่วงนี้ยัสปาล แอนด์ ซันส์ เริ่มสร้างแบรนด์ใหม่ของตัวเองเพื่อจับตลาดบนโดยเฉพาะโดยใช้ชื่อแบรด์ว่า
"แซนตาส" ราคานั้นไม่ต้องพูดถึง สูงลิบลิ่ว
ในปี 2515 ยัสปาลแอนด์ซันส์ เริ่มขยายธุรกิจของตัวเองเข้าสู่ธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูปโดยจับตลาดบนอีกเช่นกัน
เสื้อผ้าสำเร็จรูปเหล่านี้ จะถูกผลิตออกมาเพียงจำนวนจำกัด และจะเปลี่ยนไปทุกสัปดาห์
ภายใต้ชื่อยี่ห้อ "ยัสปาล" อีกเช่นกัน
ปี 2522 เป็นปีแรกที่ยัสปาลแอนด์ ซันส์ เริ่มตั้งโรงงานผลิตผ้านวมและผ้าปูที่นอนเป็นของตัวเองขึ้น
และก้าวหน้าจนก้าวเข้าสู่ตลาดหมอนอีกตัวหนึ่ง
ปี 2528 ยัสปาลแอนด์ซันส์จึงได้ติดต่อซื้อลิขสิทธิ์การผลิตหมอนของดูปองท์
และได้ติดต่อให้บริษัท ZUCCHI ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภัณฑ์เครื่องนอนที่มีชื่อเสียงของอิตาลี
ดีไซน์แบบให้ นับแต่นั้นมาหมอนแซนตาสภายใต้มาตรฐานของดูปองท์จึงเกิดขึ้นในประเทศไทย
งานครบรอบวันเกิดของยัสปาล แอนด์ ซันส์ คืนนั้นจึงเต็มไปด้วยแขกเหรื่อจากต่างประเทศและในประเทศไทยจำนวนมาก
"ตลาดช่วงนี้กำลังดี และเราก็คาดว่าปีต่อไปคงดีกว่านี้แน่โดยเฉพาะตลาดในต่างประเทศเมื่อปีที่แล้วเราเอ็กซ์ปอร์ตไป
10 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าอย่างน้อย ๆ คงจะทำยอดขายได้ถึง 20-25 ล้านบาท"
ยัสปาล ซิงห์ บอกกับ "ผู้จัดการ"