“เดคคอรามา” ผู้นำเข้ากระเบื้องเผยเศรษฐกิจพ่นพิษทำยอดสั่งซื้อวูบ แถมค่าขนส่งแพงลิ่ว ด้านยุโรปย้ายฐานการผลิตไปที่จีนเหตุต้นทุนถูกกว่าครึ่ง พร้อมเดินหน้าพัฒนารีสอร์ทหรู “คาชัวรินา” ชะอำ
นายพรชัย รัตนเมธานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์ พี แอนด์ เอส จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ชะลอแผนการลงทุนธุรกิจอสังหาฯไปเมื่อปี 39 เนื่องจากประสบปัญหาในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ และหันมานำเข้%กระเบื้องยางและวัสดุตกแต่งประเภทหินอ่อน จากต่างประเทศ
สำหรับธุรกิจนำเข้ากระเบื้องยาง นั้นบริหารงานภายใต้บริษัท เดคคอรามา จำกัด เป็นการนำเข้าจากประเทศอังกฤษ,สวีเดน และเกาหลี เช่น แบรนด์ ALTRO และ FLEXCO ราคาเฉลี่ย 3,000-6,000 บาท/ตารางเมตร ส่วนธุรกิจวัสดุตกแต่งภายในประเภทหินอ่อนและโมเสดนำเข้า บริหารงานภายใต้บริษัท คาซา รอคคา จำกัด สินค้าส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศอิตาลี,สเปน และจีน ราคาเฉลี่ย 1,500-10,000 บาท/ตารางเมตร/รุ่น โดยสินค้าของบริษัทจะเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น โรงแรม,โรงพยาบาล,โรงงาน และคอนโดมิเนียม ระดับไฮเอนด์ เช่น เดอะแม็ท กลุ่มแสนสิริบางโครงการ และกลุ่มทีซีซี แลนด์ เป็นต้น
ทั้งนี้ในแต่ละเดือนบริษัทจะนำเข้าสินค้าเฉลี่ยประมาณ 20-70 ตู้คอนเทนเนอร์ ทั้งนี้แล้วแต่ช่วงจังหวะและเวลาว่าลูกค้าต้องการมากน้อยเพียงใด ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวมประมาณ 200 ล้านบาท/ปี แต่ในปี 52 นี้คาดว่ายอดขายรวมจะไม่ถึง 200 ล้านบาทหรือเพียง 150 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง นอกจากนี้ค่าขนส่งยังปรับขึ้นสูงมาก
“ไม่ใช่เฉพาะตลาดในเมืองไทยที่ชะลอตัว แต่ผู้ผลิตในต่างประเทศประสบปัญหาเช่นเดียวกัน อย่างที่อิตาลี สเปนที่เป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งของโลกปัจจุบันปิดโรงงานไปแล้วกว่าครึ่ง บางส่วนปิดเพราะขาดทุน แต่บางส่วนปิดเพราะย้ายฐานการผลิตมาที่จีน เนื่องจากมีต้นทุนถูกกว่า 50% แต่คุณภาพไม่ได้แตกต่างกัน แม้ว่าที่ผ่านมาจีนจะถูกกว่าหาว่าผลิตของไม่ได้คุณภาพ แต่อย่างลืมว่าจีนมีโรงงานผลิตกระเบื้องกว่า 6,000 แห่ง และมีจำนวนมากที่ผลิตได้มาตรฐานยุโรป และเป็นข้อดีทำให้สินค้าของยุโรปบางยี่ห้อเราสามารถสั่งซื้อจากจีนได้และมีต้นทุนขนส่งถูกกว่า”
ด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายหลังจากชะลอการลงทุนไปในปี 39 จนกระทั่งเมื่อต้นปี 51 ที่ผ่านมาได้เข้าไปเทกโอเวอร์ โครงการ “คาชัวรินา รีสอร์ท”ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี มูลค่าหลายร้อยล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ เดิมมีทั้งหมด 34 วิลล่า และมีแผนปรับปรุงใหม่และพัฒนาเพิ่มโรงแรมเพิ่มอีก 100 ห้อง ด้วยการขอกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินวงเงิน 30-40% ของมูลค่าโครงการ แต่ในช่วงดังกล่าวเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้สถาบันการเงินชะลอปล่อยสินเชื่อ และขอลดวงเงินสินเชื่อเหลือเพียง 17% เท่านั้น ดังนั้นจึงปรับลดการพัฒนาเหลือเพียง 35 วิลล่า จำนวน 50 ห้องเท่านั้น ซึ่งเพิ่มขนาดพื้นที่ใช้สอยแต่ละวิลล่าจาก 40 ตารางเมตร เป็น 70 ตารางเมตร โดยดึงบริษัท ออกัสท์ ดีไซน์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ร่วมปรับปรุงออกแบบโครงการให้ทันสมัยมากขึ้น คาดว่าจะปรับปรุงเสร็จและเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบได้ในปลายปี 52 นี้
|