Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2531
โธ่…ซีเกท             
 


   
www resources

Seagate Technology Homepage

   
search resources

ซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย), บจก.
Hardware and Accesorries




จากนี้ไปการดำเนินกิจการของกิจการของซีเกท เทคโนโลยี (ประเทศไทย) คงจะไม่ราบรื่นเหมือนอย่างที่เป็นมาแล้ว

ห้าปีที่ผ่านมานั้นซีเกทปรับกลยุทธ์ใหม่เลียนแบบความสำเร็จของญี่ปุ่น ด้วยการโยกย้ายฐานการผลิตจากสหรัฐอเมริกามายังเอเชียอาคเนย์ ด้วยหวังแรงงานกึ่งฝีมือราคาถูก (รายละเอียดใน "ผู้จัดการ" ตุลาคม)

ครั้งแรกนั้นซีเกทกะทุ่มทรัพยากรสู่สิงคโปร์ แต่หลังจากนั้นก็เบนเข็มสู่เมืองไทย หลังจากที่สืบรู้มาว่าค่าแรงเมืองไทยย่อมเยากว่าสิงคโปร์หลายเท่านัก คนในวงการคาดว่าซีเกทคงจะเจริญรอยตามความสำเร็จของเนชั่นแนล เซมิคอนดั๊กเตอร์ (เอ็นเอส) ผู้ฝังรกราก ณ ประเทศไทยกว่าทศวรรษแล้ว

เนื่องด้วยปี 2526 ที่ซีเกทมุ่งสู่เมืองไทยนั้น ซีเกทแทบจะเริ่มต้นจากศูนย์ในปีนั้น บุคลากรในระยะเริ่มแรกมีเพียง 50 คน ผู้รู้กล่าวว่าในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงการตั้งไข่ของซีเกทเพื่อลงหลักปักฐานในเมืองไทยอย่างค่อนข้างถาวร

ปัญหาในระยะเริ่มแรกที่ซีเกทประสบนั้น "คือปัญหาบุคลากร" คนวงในเล่าเหตุการณ์ในช่วงนั้น

ซีเกทแก้ปัญหาโดย "การซื้อตัว"

คนซีเกทเล่าให้ฟังว่าพนักงานระดับหัวกะทิส่วนใหญ่จะถูกดึงตัวมาจากเอ็นเอสแทบทั้งสิ้น เช่น กานต์ โอสถานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการผลิตคนปัจจุบัน "เพราะตระกูลเขาใหญ่และสายสัมพันธ์กว้างขวางนอกเหนือจากฝีมือดีแล้ว" พนักงานระดับกลางของซีเกทคนหนึ่งเล่าให้ฟัง

แผนการ "ซื้อตัว" ดูเหมือนจะเป็นแผนหลักในระยะเริ่มแรกเลยทีเดียว ขณะเดียวกันก็เริ่มประกาศรับพนักงานระดับวิศวกรและซูเปอร์ไวเซอร์ รวมทั้งพนักงานระดับปฏิบัติการขนานใหญ่หลังจากได้ควานหาหัวกะทิได้มากพอสมควรแล้ว

ช่วงเวลานั้นเหมือนกับจะเป็นปีทองของการแสวงหาพนักงานโดยแท้ เนื่องจากปลาย 2526 ต่อ 2527 เศรษฐกิจไทยตกต่ำ จำนวนคนว่างงานเหลือคณานับซึ่งรวมทั้งบัญฑิตเตะฝุ่นปริมาณมหาศาล พนักงานในระยะเริ่มแรกของซีเกทจึงเป็นพนักงานระดับยอดฝีมือ คนเหล่านี้ภายหลังได้รับการส่งเสริมให้เลื่อนตำแหน่งอย่างต่อเนื่อง "เดี๋ยวนี้พวกเขากลาเป็นผู้จัดการไปแล้วแทบทั้งสิ้น" คนซีเกทกล่าว

ซีเกทจึงค่อนข้างจะสนุกสนานมากกับค่าแรงงานถูกจำนวนมากของเมืองไทยพนักงานหลายระดับได้รับการจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะพนักงานระดับโอปอเรชั่นนั้น ถูกกดค่าแรงมาก "เมื่อเทียบกับผลงานของเรากับสิงคโปร์แล้ว ไทยเราดีกว่าสิงคโปร์มากแต่ค่าแรงต่ำกว่าหลายเท่าตัว" พนักงานที่เคยเห็นผลงานของทั้งสองประเทศวิจารณ์

พนักงานระดับโอปอเรชั่นได้รับค่าแรงเป็นรายวัน ในระยะเริ่มต้นวันละ 73 บาท แต่ถ้าผลงานดีมากและไม่มีการพักเลยจะได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 4 บาท ขณะที่ต้องทำงานอยู่ในโรงงานวันละ 8 ชั่วโมง บางวันอาจมีโอเวอร์ไทม์ก็โชคดีไป ถ้าต้องการจะให้ได้เดือนละสี่พันต้องทำโอเวอร์ไทม์จนไม่ลืมหูลืมตาเลยทีเดียว

วันเวลาเก่าๆ ของซีเกทกับการตักตวงผลประโยชน์จากแรงงานราคาถูกนับวันจะหมดไปแล้ว

ซีเกทกำลังเผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับเอ็นเอสได้ประสบมาแล้ว นั่นคือปัญหามันสมองไหล

คนวงในเล่าให้ฟังว่าขณะนี้อัตราการลาออกในซีเกทมีปริมาณสูงมากแต่ยังไม่น่ากลัวนัก ทว่าที่น่าหวาดหวั่นคือปริมาณ TURN OVER แฝง "คือขณะนี้พนักงานจำนวนมากได้ลาหยุดไปสมัครงานบริษัทใหม่ที่จ่ายค่าแรงสูงกว่า" พนักงานระดับซูเปอร์ไวเซอร์คนหนึ่งเล่า

บริษัทที่เป็นมารผจญซีเกทก็คือไมโครโปลิส

ไมโครโปลิสนั้นหากมองเพียงยอดขายแล้วดูจะห่างชั้นกับซีเกทมาก เพราะซีเกทมียอดขายเฉียดพันล้านไปไม่กี่ดอลลาร์ ส่วนไมโครโปลิสนั้นยอดขายยังไม่ถึง 300 ล้านด้วยซ้ำ แต่ไมโครโปลิสก็เป็นคู่แข่งกับซีเกทจนได้ เพราะไมโครโปลิสก็ต้องการต้นทุนต่ำเช่นกัน

ไมโครโปลิสจึงดำเนินแผนเช่นซีเกทนั่นคือการย้ายฐานการผลิตสู่เอเชียอาคเนย์ และไทยก็คือเป้าหมาย

ขณะนี้แผนการของไมโครโปลิสเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนแล้ว และเริ่มรับสมัครงานแล้ว

คนในวงการกล่าวว่าที่ไมโครโปลิสจะทำให้ซีเกทกระอักก็คือ "ค่าตอบแทน" ที่สูงกว่า

เมื่อเปรียบเทียบกับซีเกทแล้วค่าตอบแทนของไมโครโปลิสสูงกว่าซีเกทอย่างมากๆ "พนักงานระดับโปรดักชั่นเพียงแค่ไขสกรูอย่างเดียว 4,000 บาท" แหล่งข่าวคนหนึ่งเล่า

ขณะที่ซีเกทนั้นกว่าจะทำเงินได้เท่านี้ต้องอดตาหลับขับตานอนกระทั่งสุขภาพเสียไปก็มาก บางคนถูกโรคกระเพาะอาหารโจมตีอย่างรุนแรง

สำหรับพนักงานระดับซูเปอร์ไวเซอร์แล้วค่าตอบแทนยิ่งสูงขึ้นเป็นทับทวี

ขณะที่ซีเกทจ่ายเพียง 4,800 บาทต่อเดือน (ไม่รวมค่าครองชีพ) ไมโครโปลิสให้ถึง "8,000 บาทต่อเดือนถ้ามีประสบการณ์แล้ว 6,000 บาทสำหรับมือใหม่" พนักงานระดับซูเปอร์ไวเซอร์ผู้เชี่ยวชาญจากซีเกทคนหนึ่งเล่าให้ฟังเพื่อเปรียบเทียบให้ "ผู้จัดการ" เห็น

ซีเกทจึงประสบปัญหาปั่นป่วนอย่างมากๆ พนักงานระดับซูเปอร์ไวเซอร์เตรียมการโยกย้ายกันขนานใหญ่ กระทั่งพนักงานระดับล่างๆ ก็ขยับจะโยกย้ายเช่นกัน ที่สำคัญก็คือไมโครโปลิสจะตั้งโรงงานใกล้ๆ กับโรงงานที่เป็นหัวใจของซีเกทด้วย "ตั้งแถวๆ รังสิต แว่วมาว่าอยู่แถวๆ ตรงข้ามหมู่บ้านสิวลี"

นอกจากไมโครโปลิสซึ่งผลิต HARD-DISC DRIVE แต่ตัวใหญ่กว่าแล้วยังมีบริษัท MINISCRIBE ซึ่งผลิต HARD-DISC DRIVE เช่นเดียวกัน ก็กำลังจะโยกย้ายมาประกอบในเมืองไทยเช่นกันเท่าที่ผมรู้มาคงจะตั้งไม่ไกลจากรังสิตนัก"

สงครามการแยกตัวพนักงานจึงรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ และผู้ประสบชะตากรรมในครั้งนี้ก็คือซีเกท แต่ซีเกทคงไม่ท้อถอยแน่ "แต่เขาก็เสียวๆ เหมือนกัน" พนักงานผู้เตรียมตัวทิ้งซีเกทเล่า

ที่แน่ๆ ซีเกทคงหลีกเลี่ยงชะตากรรมนี้ไม่พ้น โธ่…ซีเกท!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us