Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤศจิกายน 2531








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤศจิกายน 2531
AMERICAN APPRAISAL: ผู้บุกเบิกธุรกิจประเมินราคาทรัพย์สิน             
 


   
www resources

American Appraisal Homepage

   
search resources

อเมริกัน แอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย)
ไพโรจน์ ซึงศิลป์
Consultants and Professional Services




เรื่องของการตีราคาทรัพย์สินที่เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า การประเมินราคาทรัพย์สินนั้น จะว่าไปแล้วคนไทยเราก็มักคุ้นกันมานาน เพียงแต่ว่าไม่ได้ทำกันอย่างเป็นหลักเกณฑ์ มีมาตรฐานเหมือนต่างประเทศ

ตัวอย่างที่ชัดๆ คือ โรงรับจำนำที่ต้องอาศัยการตีราคาเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ โดยมีหลงจู๊รับบทเป็นมืออาชีพในการประเมินราคา มองปราดเดียวก็รู้ว่าสิ่งของที่ลูกค้านำมาจำนำไล่กันไปตั้งแต่แหวนเพชรสร้อยทอง กระทั่งถึงเครื่องใช้ประจำครัวอย่างครกตำน้ำพริกจะแปรค่าเปลี่ยนมาเป็นเงินตราได้สักเท่าไร

จะถูกต้องเที่ยงตรงแค่ไหนไม่มีใครบอกได้ เพราะใช้ประสบการณ์และความชำนาญเฉพาะตัวของหลงจู๊เป็นหลักในการตีราคา

การซื้อขายที่ดิน ตัวอาคารหรือทรัพย์สินอื่นๆ ก็ล้นแต่ต้องใช้การประเมินราคาทั้งสิ้น เพื่อให้รู้ว่าจะซื้อขายกันในมูลค่าเท่าใด

ส่วนใหญ่ผู้ซื้อ ผู้ขายก็ทำกันเอง ไม่มีบุคคลที่สามที่ปราศจากส่วนได้เสียเข้ามาทำหน้าที่ประเมินให้เป็นกิจจะลักษณะ เพราะยังไม่ค่อยเห็นความสำคัญและยังไม่มีหน่วยงานที่ให้บริการทางด้านนี้

ธุรกิจการประเมินราคาทรัพย์สินในเมืองไทยเริ่มขึ้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็เมื่อสิบสี่ปีที่แล้วมานี้เอง โดยบริษัท อเมริกัน แอ๊พเพรซัล จากสหรัฐอเมริกาเข้ามาเปิดสาขา ประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2517

อเมริกัน แอ๊พเพรซัลเป็นหนึ่งในสามบริษัทที่อยู่ในเครือของ AMERICAN APPRAISAL ASSOCIATES, INC. ซึ่งทำธุรกิจการประเมินราคาทรัพย์สินทุกชนิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2439 มีสาขาเกือบห้าสิบแห่งทั้งในสหรัฐฯ แคนาดา ยุโรป และเอเชีย ทรัพย์สินที่ทำการประเมินในแต่ละปีนั้นมีมูลค่าถึงสองร้อยพันล้านเหรียญสหรัฐฯ และร้อยละแปดสิบห้าของ 500 บริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกจากการจัดอันดับของนิตยสาร "ฟอร์จูน" ก็เป็นลูกค้าของธุรกิจนี้

อเมริกัน แอ๊พเพรซัล ประเทศไทย เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทแม่ในสหรัฐฯ กับผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยซึ่งประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้ ในสัดส่วน 49 และ 51 เปอร์เซ็นต์ของทุนจดทะเบียนหนึ่งล้านบาทตามลำดับ

"เขาดูตลาดแล้วมีแนวโน้มที่ดีสำหรับธุรกิจนี้ และเมืองไทยก็ยังไม่มีใครทำเลย ในเอเชียนี่เขามีสาขาอยู่ที่ฟิลิปปินส์และฮ่องกงก่อน แต่เมืองไทยยังไม่มีเลยก็เลยตัดสินใจมาตั้งที่นี่" ไพโรจน์ ซึงศิลป์ ผู้จัดการทั่วไปของอเมริกัน แอ๊พเพรซัล (ประเทศไทย) เท้าความย้อนไปถึงการเข้ามาเมืองไทยครั้งแรก

ลูกค้าในระยะเริ่มแรกเป็นบริษัทต่างประเทศที่เข้ามาตั้งกิจการอยู่ในประเทศไทยเกือบจะทั้งหมด อาศัยชื่อเสียงของอเมริกัน แอ๊พเพรซัลในต่างประเทศเป็นตัวชักนำให้บริษัทเหล่านี้เข้ามาใช้บริการของอเมริกัน แอ๊พเพรซัลในประเทศไทยด้วย

"บริษัทที่มีในต่างประเทศแล้วใช้บริการของเราในต่างประเทศด้วย บริษัทแม่เขาก็ REFER มาที่เรา อย่างเช่น เชลล์ ลีเวอร์บราเธอร์ คาลเท็กซ์" ไพโรจน์กล่าว

อเมริกัน แอ๊พเพรซัล เป็นธุรกิจประเมินราคาทรัพย์สินแห่งเดียวในเมืองไทยมาตลอดจนกระทั่งสองสามปีที่แล้วมาถึงเริ่มมีรายอื่นๆ ขึ้นมา

"เมื่อสองสามปีก่อนทางธนาคารโลกส่งผู้เชี่ยวชาญชาวนิวซีแลนด์เข้ามาแนะนำให้รัฐบาลตั้งหน่วยงานประเมินราคาขึ้นมา ซึ่งก็คือสำนักประเมินราคาที่ขึ้นอยู่กับกรมที่ดินในตอนนี้ ทางภาคเอกชนก็มีการจัดตั้งสมาคมประเมินราคาทรัพย์สินขึ้นมา เพราะว่าในอาเซียนก็มีสมาคมนี้อยู่ มีการจัดประชุมสัมมนาทุกปี สมาคมเป็นส่วนที่จะรองรับและประสานงานกับทางอาเซียน" ไพโรจน์ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" ถึงแรงผลักดันที่ทำให้ธุรกิจนี้เริ่มขยายตัว

หลังจากการตั้งสมาคมก็มีบริษัทอื่นๆ เกิดขึ้น ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ การขยายตัวของการลงทุนจากต่างชาติและธุรกิจในเมืองไทย มีทั้งการลงทุนใหม่ การซื้อขายกิจการ การร่วมทุนการกู้เงิน การเข้าตลาดหลักทรัพย์ซึ่งล้วนแต่ต้องมีการประเมินราคาของทรัพย์สิน

จนถึงปัจจุบัน บริษัทที่ให้บริการทางด้านนี้มีอยู่ประมาณสิบแห่ง เป็นของต่างประเทศสองรายคือ ไซมอนลิมจากสิงคโปร์และคอร์เรียซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างอังกฤษกับออสเตรเลียที่เหลือเป็นบริษัทของคนไทย

การเกิดขึ้นของบริษัทของคนไทยนั้น เป็นผลโดยตรงจากการที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้เปลี่ยนแปลงการประเมินราคาจากที่เจ้าหน้าที่ของธนาคาร เป็นผู้ประเมินราคาบ้านที่ลูกค้านำมาขอกู้ไปให้บริษัทเอกชนเป็นผู้ทำการประเมิน โดยลูกค้าเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย

"เป็นไอเดียของคุณกิตติเริ่มมาได้ปีหนึ่งแล้ว ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้หลายล้านบาท และรวดเร็วขึ้น ภายในสองอาทิตย์ลูกค้าก็ได้เงินแล้ว เป็นจุดที่เอาไปแข่งขันในตลาดได้ เพราะความแตกต่างเรื่องดอกเบี้ยในตอนนี้มีน้อยมาก" กิตติที่ไพโรจน์ กล่าวถึงก็คือ กิตติ พัฒนพงษ์พิบูลย์ ผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์

อเมริกัน แอ๊พเพรซัลก็เป็นรายหนึ่งที่ให้บริการกับลูกค้าของธนาคารอาคารสงเคราะห์ด้วยโดยมีลูกค้าเดือนหนึ่งประมาณสองร้อยราย ลูกค้ารายอื่นๆ นั้นมีประมาณ 1,500 รายต่อปี มีทั้งกิจการขนาดใหญ่อย่างเช่นเชลล์ ลีเวอร์บราเธอร์ โรงงานประกอบรถยนต์บางชัน บริษัทลัคกี้เท็คซ์ จนถึงลูกค้ารายเล็กๆ ที่สถาบันการเงิน หรือบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชี เอส จี วี ณ ถลาง ส่งมาให้ประเมิน

"บ้านเรา 80% เป็นเรื่องของการกู้เงิน สถาบันการเงินที่ให้เราประเมินส่วนใหญ่เป็นธนาคารต่างประเทศ แบงก์ไทยนั้นมีฝ่ายประเมินที่ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว"

การคิดค่าบริการนั้นแบ่งเป็นสองประเภทคือ อัตราตายตัวที่ใช้กับลูกค้าที่กู้เงินไปซื้อบ้านในอัตราวันละหนึ่งถึงสองพันบาทอีกประเภทหนึ่งไม่มีอัตราแน่นอน ขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่ต้องประเมินและเวลาที่ต้องใช้ในการตรวจสอบและตีราคา เป็นลูกค้าโครงการลงทุนใหญ่ๆ หรือบริษัทที่ต้องการทราบมูลค่าทรัพย์สินของตน

"อาจจะตกอยู่ระหว่างหนึ่งพัน สองพัน หรือสามสี่พันบาทต่อวันก็ได้ แล้วแต่ปริมาณงานและเวลาที่ใช้" ไพโรจน์เปิดเผย

การประเมินรายใหญ่ที่สุดที่เคยทำมาคือ การประเมินมูลค่าทรัพย์สินสถาบันน้ำมันทั่วประเทศของเชลล์ ซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งปี ราคาที่แท้จริงนั้นไม่เปิดเผย แต่เป็นตัวเลขมากกว่าหกหลัก

ปัญหาของธุรกิจนี้เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็คือ ยังไม่มีสถาบันการศึกษาที่ผลิตนักประเมินราคาป้อนให้ตลาด ในขณะนี้มีเพียงวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพเท่านั้นที่สอนกันในระดับ ปวส. สูง ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ธรรมศาสตร์ ก็เป็นเพียงวิชาเลือกวิชาหนึ่งในสาขาการเงินเท่านั้น อีกแห่งหนึ่งคือคณะบริหารธุรกิจของรามคำแหง แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสาขาวิชาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น

"ส่วนใหญ่เราก็ฝึกกันเอง จัดอบรมสัมมนาให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน น่าจะสอนกันในระดับปริญญาตรีเหมือนต่างประเทศเขา"

อีกปัญหาหนึ่งก็คือ ยังไม่มีกฎหมายออกมาควบคุม เพราะธุรกิจนี้สามารถให้คุณให้โทษกับผู้มาใช้บริการได้ ในแง่ของการประเมินราคาให้ต่ำหรือสูงกว่าความเป็นจริง เพื่อผลประโยชน์ของผู้ซื้อหรือผู้ขาย

"ตอนนี้ ประเมินเสร็จแล้วก็แล้วกัน เหมือนกับจ้างทำงานให้เสร็จตามสัญญา แต่ถ้าประเมินคลาดเคลื่อนจนก่อให้เกิดความเสียหายก็ไม่รู้ว่าจะไปเอาผิดกับใคร" ไพโรจน์ต้องการเห็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ควบคุมจรรยาบรรณของนักประเมินราคาเกิดขึ้นมา ก่อนที่จะมีปัญหาขึ้น

ก็ไม่รู้ว่าผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องจะมองเห็นกันมากน้อยแค่ไหน หรือว่าจะต้องรอให้มีปัญหาเสียก่อน จึงค่อยหาทางแก้ไขเอาทีหลัง!

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us