|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลื้มเดือนมี.ค. นักลงทุนต่างชาติส่งสัญญาณขนเงินกลับเข้าตลาดหุ้นไทย โดยมียอดซื้อสุทธิรวมกว่า 2 พันล้านบาท แม้รวม 3 เดือนยังมียอดขายสุทธิ 5.5 พันล้านบาท จากวิกฤตการเงิน-เศรษฐกิจโลกหดตัว ด้าน “ภัทรียา” ชี้ม็อบไข่แม้วยืดเยื้อกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยวูบ พร้อมเตรียมนักถกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์หาข้อยุติเปิดเสรีใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์-ค่าคอมมิชชัน
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึง ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ปี 2552 ว่า ในช่วงเดือนมีนาคม 52 ที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น เทียบกับช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างน้อย หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินและปัญหาเศรษฐกิจที่ลุกลามไปทั่วโลก
ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า ตั้งแต่เดือนม.ค. – มี.ค. 52 นักลงทุนต่างประเทศมียอดขายสุทธิรวม 5,546.43 ล้านบาท โดยในเดือนมี.ค. มียอดซื้อสุทธิ 2,148.12 ล้านบาท ขณะที่เดือนม.ค. และก.พ. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,218.90 ล้านบาท และ 3,475.64 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ชุมนุมกดดันให้นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ ประกาศยุบสภานั้น นางภัทรียา กล่าวว่า ขณะนี้การชุมนุมดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนแล้ว หากหากการชุมนุมยังคงยืดเยื้อต่อไปอาจจะกลายเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมันของนักลงทุน และทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทยออกไป
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบหลักทรัพย์ที่มีความเคลื่อนไหวผิดปกตินั้น ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบหุ้นที่เคลื่อนไหวผิดปกติบ้าง แต่มีจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เฉลี่ยต่อวันค่อนข้างเบาบาง หรือประมาณ 8-9 พันล้านบาทเท่านั้น แต่หากตรวจสอบพบหลักทรัพย์ใดที่เข้าข่ายตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำส่งให้สำนักงานคณะกรรมกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินการพิจารณาต่อไป
นางภัทรียา กล่าวเพิ่มเติมถึง เรื่องที่นายกัมปนาท โลหเจริญวานิช กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนิตี้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่ 3 มีแนวคิดจะเสนอให้พิจารณาเลื่อนการเปิดเสรีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหลักทรัพย์จากกำหนดเดิมในปี 2553 ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนัดหารือกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์อีกครั้ง แต่ทุกฝ่ายจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับภาวการณ์แข่งขันที่ทวีรุนแรงมากขึ้น
“ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบ และมีขนาดเล็กลง หากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเปิดเสรี ขณะที่ตลาดหุ้นยังเองยังไม่ได้เปิดเสรี”
ทิ้งหุ้นพลังงานกดดัชนีรูด 1.41 จุด
ด้านความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (1 เม.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงสวนทางตลาดหุ้นเอเชีย ยกเว้นตลาดหุ้นฮ่องกง โดยปรับตัวแตะระดับสูงสุดที่ 433.55 จุด ต่ำสุดที่ 429.22 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ระดับ 430.09 จุด ลดลงจากวันก่อน 1.41 จุด หรือคิดเป็น 0.33% มูลค่าการซื้อขาย 6,736.38 ล้านบาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ สอดคล้องกับตลาดหุ้นฮ่องกง ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ยืนแดนบวก โดยมีแรงขายทำกำไรออกมาในหุ้นกลุ่มพลังงานเป็นหลัก หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าได้ปรับตัวลง
สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในช่วงนี้ นักลงทุนต้องติดตามผลการประชุมจี 20 และการประชุมอาเซียน ซัมมิต รวมทั้งรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ซึ่งนักลงทุนได้คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.5% ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่จะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นคือ การชุมนุมทางการเมือง หากยืดเยื้อออกไปจะส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้น โดยมีแรงหนุนจากประเด็นเศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ทำให้อาจะมีแรงซื้อเข้ามาได้ แต่ตลาดหุ้นไทยอาจจจะได้รับปัจจัยลบจากปัจจัยการเมืองและตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 1/52 โดยให้แนวรับไว้ที่ 420 จุด แนวต้าน 436 จุด
สมาคมตราสารหนี้หนุนออกหุ้นกู้
นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีจะเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะมีการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งที่น่าสนใจก็คือในปีนี้มีบริษัทจดทะเบียน ขออนุมัติต่อผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นกู้กันหลายแห่ง อย่างล่าสุด เมื่อวันที่ 31มีนาคม ที่ผ่านมา ทางบริษัท ปตท.สผ. จำกัด(มหาชน) ก็ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ให้ออกหุ้นกู้จำนวน 50,000 ล้านบาทได้ โดยการที่บริษัทจดทะเบียนที่มีเรทติ้งสูงๆ มีผลประกอบการที่ดี มาออกหุ้นกู้กันมากขึ้น ก็จะเป็นการช่วยให้ตลาดตราสารหนี้มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
โดยประการสำคัญการออกหุ้นกู้ในช่วงนี้ จะช่วยสร้างตลาดนักลงทุนที่เป็นรายย่อยให้เข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลดลงมาค่อนข้างมาก ทำให้ผู้ออมเงินต้องมองหาทางเลือกเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปีนี้กระทรวงการคลังก็มีนโยบายในการออกพันธบัตรออมทรัพย์ในจำนวนที่ไม่สูง ทั้งปีจะมีการออกทั้งสิ้นประมาณ 10,000 ล้านบาทเท่านั้น หุ้นกู้เอกชนจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากไว้กับธนาคาร
“ที่สำคัญจังหวะนี้นักลงทุนสถาบันจำนวนไม่น้อย ที่ยังมีความวิตกกังวลในทิศทางการลงทุน จึงทำให้ ไม่ลงทุนในหุ้นกู้นัก เพราะนักลงทุนสถาบันจะห่วงในเรื่องของการปรับลดเรตติ้งในภาวะที่เศรษฐกิจไม่สู้ดีเช่นในปัจจุบัน ผู้ออกหุ้นกู้ในช่วงนี้จึงเน้นในการขายให้แก่นักลงทุนรายย่อยกันมากขึ้น ซึ่งเป็นจังหวะพอดีที่นักลงทุนรายย่อยกำลังมองหาทางเลือกในการลงทุนใหม่จึงหันมามาลงทุนในหุ้นกู้ได้เพิ่มมากขี้น เพราะนักลงทุนรายย่อยมักเป็นการลงทุนระยะยาวซื้อแล้วถือจนครบกำหนด จึงไม่กังวลที่จะขาดทุนเวลาที่เรทติ้งตกลงมาเหมือนนักลงทุนสถาบัน”นายณัฐพลกล่าว
|
|
|
|
|