Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 เมษายน 2552
ค้านเกณฑ์ขั่นต่ำ1พันล.ฉุดตลาดกองอสังหาฯ             
 


   
search resources

Funds
สันติ กีระนันท์




ตลาดหลักทรัพย์ ค้านแนวคิดตั้งพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ขั้นต่ำที่ 1,000 ล้านบาท เหตุมองว่าไม่สามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาดได้ และเป็นการปิดโอกาสระดมทุนธุรกิจขนาดเล็กและกลาง"วรรณ" ระบุการมีกองทุนขนาดเล็ก ช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับนักลงทุนได้ ด้าน "บัวหลวง" ระบุกองทุนขนาดตั้งแต่พันล้านขึ้นไป ไม่ได้มีการซื้อขายมากนัก ชี้เงินลงทุนส่วนใหญ่เป็นเงินเย็น การซื้อขายย่อมน้อยอยู่แล้ว ขณะที่ บล.เอเซียพลัสเสนอกองทุน ควรมีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น

นายสันติ กีระนันท์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณีการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดที่จะเพิ่มขนาดขั้นต่ำของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) จาก 500 ล้านบาทเป็น 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและปริมาณการซื้อขายหน่วยลงทุนว่า ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาด้านสภาพคล่องของการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และช่วยในเรื่องของการเพิ่มสภาพคล่องมากนัก เนื่องจากหากจะทำให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น อาจจำเป็นต้องกำหนดให้กองทุนมีขนาดของโครงการตั้งแต่ 10,000 ล้านบาทขึ้นไป

สำหรับแนวคิดที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ต้องการให้ตลาดมีกองทุนขนาดใหญ่ ส่วนตัวมองว่า แนวคิดดังกล่างอาจจะเป็นการปิดช่องทางการระดมทุนของธุรกิจขนาดเล็กและกลางซึ่งในปัจจุบันไม่ได้มีมากนัก และอาจจะเป็นการปิดช่องทางการระดมทุนให้มีน้อยลงไปอีกด้วย หลังจากในปัจจุบันไม่ได้มีช่องทางการระดมทุนน้อยอยู่แล้ว

ทั้งนี้ การเพิ่มขนาดขั้นต่ำของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็น1,000 ล้านบาท นอกจากจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว ยังไปสร้างปัญหาอื่นขึ้นมาแทนด้วย โดยการที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีขนาดของกองทุนเล็กหรือขนาดใหญ่ ไม่ได้ชี้วัดถึงความมั่นคงแต่อย่างใด และในโลกของการระดมทุนในตลาดทุนจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสให้กับนักลงทุน ส่วนกองทุนจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่เป็นทางเลือกของนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้

ด้านนายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องของความเสี่ยงทางธุรกิจ และความเสี่ยงของการซื้อขาย แม้ว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หลายกองทุนในปัจจุบันจะมีขนาดเล็ก แต่ก็นับว่าเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนได้ ส่วนการเพิ่มขนาดขั้นต่ำของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็น1,000 ล้านบาท ก็ไม่เชิงว่าจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องการเพิ่มสภาพคล่องได้ และในตลาดหุ้นก็มีหุ้นขนาดกลาง และไม่ได้มีการซื้อขายมากนักเช่นกัน

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์นั้น สามารถตอบโจทย์ให้แก่นักลงทุนได้ และมีนักลงทุนให้ความสนใจ ซึ่งการแตกต่างทางความคิดก็จะก่อให้เกิดการซื้อขายได้ ที่สำคัญคือการให้ความรู้ และสร้างความเข้าใจแก่นักลงทุนมากขึ้นว่า หากลงทุนในกองทุนขนาดเล็กอาจจะมีความเสี่ยง แต่ก็อาจจะได้ส่วนชดเชยความเสี่ยง (พรีเมียม) เข้ามาทดแทน

ส่วนความเสี่ยงทางธุรกิจในปัจจุบันนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์มีความหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน สนามบิน และศูนย์การค้า แต่ละกลุ่มมักจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะของกองทุนในแต่ละประเภทด้วย อาทิ โรงแรม นักท่องเที่ยวอาจจะมาน้อยลง โดยจะต้องดูว่าในเชิงธุรกิจแล้ว มีผลกระทบอย่างไร แต่ปัจจัยสำคัญคือความสามารถในการทำกำไร ซึ่งสะท้อนมาในรูปของเงินปันผลนั่นเอง

ด้านนายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน (กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า ในปัจจุบันกองทุนที่มีขนาดตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปก็ไม่ได้มีการซื้อขายมากนัก และส่วนใหญ่นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ก็ไม่ต้องการให้มีการซื้อขายทุกวัน เนื่องจากเงินที่ใช้ลงทุนมักจะเป็นเงินเย็น ซึ่งการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ควรจะเป็นการลงทุนในระยะปานกลางถึงยาวคือตั้งแต่ระยะเวลา 3 – 5 ปีขึ้นไป

ขณะเดียวกัน ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของนักลงทุนเองว่า มองกองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นแบบใด หากมองว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นแบบตราสารหนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีการซื้อขายทุกวัน แต่หากมองว่าเป็นแบบหุ้นทุนก็จะต้องทำการซื้อขายทุกวันนั่นเอง

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การกำหนดขนาดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะช่วยแก้ไขปัญหาสภาพคล่องได้ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมองว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หลายกองทุนมีข้อจำกัดในด้านการเปิดเผยข้อมูล บางครั้งไม่ทราบว่าจะเข้าไปสอบถามข้อมูลกับใครระหว่างผู้จัดการกองทุน และเจ้าของสินทรัพย์ ส่งผลให้ไม่มีความชัดเจน เมื่อไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของกองทุนได้ จึงทำให้นักลงทุนเข้าใจน้อยไปด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us