Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 เมษายน 2552
แผนฝันเฟื่องฟื้นบินไทยปี'52พลิกกำไร7พันล้าน             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

การบินไทย, บมจ.
พิชัย ชุณหวชิร
Aviation




“พิชัย “ เปิดแผนฟื้นฟูธุรกิจการบินไทยเร่งด่วน เสนอคมนาคมและคลัง ฟุ้งปี 52 ผ่านวิกฤติมีกำไรสุทธิ 6,000-7,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปรับแผนเพิ่มคุณภาพรายได้ เน้นขายตั๋วผ่านเวป ลดค่าใช้จ่าย ไม่ขั้นเงินเดือน งดโบนัส ลดสวัสดิการบอร์ด หั่นตั๋วฟรีเหลือ 7 ใบต่อปี ลดเบี้ยประชุมลด 25% ปรับวิธีกำหนดค่าตั๋วตามภาวะต้นทุนน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยน เริ่มวางแผนระยะ 2 อีก 3 เดือนเสร็จ วางกรอบซื้อเครื่องบินใหม่ ลดวงเงินกู้เหลือ 20,000 ล้าน เสริมสภาพคล่อง มั่นใจแบงก์ปล่อยกู้ ปลุกพนักงานเข้าใจ-ร่วมมือ

นายพิชัย ชุณหวชิร กรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูธุรกิจบริษัท เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ ได้จัดส่งแผนฟื้นฟู เสนอกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2552 โดยแผนฟื้นฟูฯ แบ่งเป็น 2 ระยะเร่งด่วนปี 2552 นั้น หากดำเนินการได้ จะทำให้ผลประกอบการในปี 2552 บริษัทจะมีกำไรก่อนหักภาษี (Ebitda) 33,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ ประมาณ 6,000-7,000ล้านบาท โดยจะเริ่มเห็นผลในไตรมาสที่ 1

แผนฟื้นฟูฯ ระยะเร่งด่วนประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1. รักษารายได้และเพิ่มคุณภาพรายได้ ทั้งราคาและผลิตภัณฑ์ภายใต้ฝูงบินที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่นมีการปรับปรุงการขายโดยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านเวปไซด์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 3% ให้ได้ 5-8% ภายในปีนี้ 2. ควบคุมค่าใช้จ่ายและการลงทุน โดยตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายในปี 2552 เป็นเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท หรือ 10% จากค่าใช้จ่ายทั่วไปไม่รวมค่าใช้จ่ายด้านน้ำมัน ที่มีอยู่ประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งการลดค่าใช้จ่าย ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับพนักงานทั้ง 26,000 – 27,000 คน เช่น การงดโบนัส ไม่ปรับขึ้นเงินเดือน การลดผลประโยชน์ตอบแทนของกรรมการจากเดิมที่ได้บัตรโดยสารปีละ 15 ใบเหลือเพียง 7 ใบ ลดเบี้ยประชุมลง 25% ผู้บริหารลดค่ารถประจำตำแหน่งจาก 70,000 –75,000 บาท ต่อเดือนเหลือ 30,000-35,000 บาทต่อเดือน

นายพิชัยกล่าวว่า ต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามภาวะตลาดโลกนั้นเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลประกอบการ ทำให้ต้องมีการบริหารจัดการและกำหนดให้สอดคล้องและทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งช่วงที่ราคาน้ำมัน 140 เหรียญต่อบารเรลน้ำมันอากาศยานจะอยู่ที่ 160 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนในราคาตั๋วถึง 55 % ดังนั้นถ้าบริษัทปรับตัวไม่ทันรายได้ก็จะหายไปกว่า หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้จะชะลอการลงทุนที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนและไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น การจัดซื้อเครื่องบินใหม่ แต่เครื่องบินแอร์บัส 330-300 จำนวน 8 ลำจะรับมอบตามกำหนดไม่เปลี่ยน คือในปี 2552 จำนวน 6 ลำ ปี 2553 อีก 2 ลำ โดยเลื่อนการชำระค่างวดไปเป็นพร้อมกับการรับมอบจากเดิมที่ต้องชำระก่อนรับมอบ ซึ่งปี 2552 ต้องชำระรวม 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนเครื่องบิน แอร์บัส 321 อาจจะต้องมีการทบทวนแผน

อย่างไรก็ตามขณะนี้หนี้สินรวมเพิ่มขึ้นจาก 130,000 ล้านบาท เป็น 150,000 ล้านบาท ซึ่งหนี้ระยะสั้นที่จะครบกำหนดในปีนี้ ประมาณ 15,000 ล้านบาทจะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอรีไฟแนนซ์ออกไป และจะมีการ กู้อีกประมาณ 20,000 ล้านบาทเพื่อนำมาสำรองเสริมสภาพคล่องทางการเงินจากก่อนหน้านี้ที่จะต้องกู้เสริมสภาพคล่องถึง 35,000 ล้านบาท จึงถือว่าสถานการณ์บริษัทเริ่มดีขึ้นและมีแผนฟื้นฟูฯที่ชัดเจน ดังนั้นจึงมั่นใจว่า สถาบันการเงินจะเชื่อมั่นและไม่มีปัญหาในการกู้

ส่วนแผนฟื้นฟูระยะที่ 2 ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินการในระยะต่อไปประกอบด้วย 1.การจัดทำยุทธศาสตร์เครือข่ายการบินและฝูงบิน ในระยะ 10 ปี ซึ่งเดิมจะมีการจัดเส้นทางและตารางบิน 2 ครั้ง/ปี แต่สามารถยืดหยุ่นได้หากมีตัวแปรต่าง ๆ มากระทบ รวมทั้งจะต้องมีการจัดหาเครื่องบินที่ใหม่ ๆ ที่จะต้องเหลือแบบเครื่องบินจาก 10 แบบเหลือเพียง 4-5 แบบ ส่วนการจัดหาจะเป็นเมื่อไรนั้นขึ้นกับผู้บริหารทั้งบอร์ด และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ที่จะเข้ามาบริหารงานในอนาคต 2. การปรับโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างต้นทุน 3. พัฒนาองค์กร บุคลากรและวัฒนธรรม 4. การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 5.การปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาว ทั้งนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้มีการเสนอทางเลือกไว้หลายแนวทาง เช่นการเพิ่มทุน การจัดหาแหล่งเงินกู้แห่งอื่น รวมทั้งการลดหนี้สินต่อทุนที่ในที่สุดจะต้องให้เหลือ 1 ต่อ 1ให้ได้

“เชื่อว่าหากดำเนินการตามแผนแล้วการบินไทยจะมีรายได้ 33,000 ล้านบาทและหากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น อาจจะได้ถึง38,000ล้านบาท และคาดว่าหนีสินต่อทุนที่ปัจจุบันค่อนข้างสูงกว่า 3 ต่อ 1 ให้เหลือ 3 ต้น ๆ ต่อ 1 เพราะพบว่าผลการดำเนินงานในเดือนม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมามีผลประกอบการดี ส่วนจะมีการเออร์ลี่รีไทร์พนักงานหรือไม่นั้นต้องสำรวจความต้องการของพนักงานก่อน และในความตั้งใจคาดว่าในอนาคตน่าจะลดลงเหลืออยู่ที่1.5เท่า “นายพิชัยกล่าว

นายพิชัยกล่าวว่า การจัดหาเครื่องบินใหม่เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องดำเนินการเพราะเครื่องบินใหม่จะตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งการกำหนดแผนจัดซื้อเครื่องบินทั้งขนาดและจำนวนที่เหมาะสมนั้น จะต้องจัดทำยุทธศาสตร์เครื่องข่ายการบินโดยดูความต้องการของตลาด ดูผู้โดยสารที่ใช้บริการว่ามาจากใดบ้าง มีพฤติกรรมการบินอย่างไร เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อไปเมื่อมีความชัดเจนก็ต้องบริหารจัดการเพื่อจัดเตรียมเรื่องนักบิน อะไหล่ การซ่อมบำรุง ให้สอดคล้องกับฝูงบิน ซึ่งแผนระยะ 2 จะกำหนดทิศทางไว้ถึง 10 ปี ว่าบริษัทควรมีฝูงบินอย่างไร นอกจากนี้แผนระยะ 2 ยังจะมีการกำหนดถึงแนวทางการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ แนวทางการเพิ่มทุน โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการจัดทำรายละเอียดแผนระยะ 2 อีกประมาณ 3 เดือน

“แผนทั้งหมดจะสำเร็จหรือไม่ ปัจจัยสำคัญขึ้นกับพนักงานทุกคนที่ต้องเข้าใจและตั้งใจช่วยกันแก้ไข ซึ่งก่อนหน้านี้ คณะกรรมการแผนฯ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับพนักงานหลายครั้ง โดยเน้นการพัฒนาวัฒนธรรมบุคลากร และต้องทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ต้องพัฒนาข้อมูลและการจัดการข้อมูลด้วย ซึ่งเชื่อว่าพนักงานทุกคนเข้าใจเพราะมองเห็นปัญหาที่จะเกิดในอนาคตหากไม่มีการปรับปรุงอะไรที่สำคัญ ประเทศไทยมีศักยภาพของพื้นที่ ที่เหมาะกับการเป็นที่พักผ่อน โดยจากผู้โดยสาร 60 ล้านคนต่อปีที่เข้ามาประเทศไทย จำนวน 70% แวะพักที่ไทย ส่วนอีก 30% ใช้เป็นจุดต่อไปยังประเทศอื่น ซึ่งแตกต่างจากสิงคโปร์ที่ผู้โดยสารกว่า 90% ใช้เป็นจุดต่อไปยังที่อื่น”นายพิชัยกล่าว

นอกจากนี้คณะกรรมการบริหารได้มีการตั้งคณะทำงานชุดต่าง ๆ 6 ชุด เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนให้การดำเนินง่นตจรมแผนฟื้นฟูธุรกิจของปริษัท บรรลุวัตถุประสงค์และสัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายประกอบด้วย 1.คณะทำงานวางแผนการเงิน 2.คณะทำงานพิจารณาเครือข่ายการบินและฝูงบิน 3.คณะทำงานปรับปรุงรายได้ 4.คณะทำงานลดค่าใช้จ่าย 5.คณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 6.คณะทำงานสนับสนุนการบริหารจัดการแผนฟื้นฟูธุรกิจ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us