Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 เมษายน 2552
ปตท.สผ.ลงทุน3ประเทศ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.)

   
search resources

ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.), บมจ.
อนนต์ สิริแสงทักษิณ
Oil and gas




ปตท.สผ.วางกลยุทธ์การทำธุรกิจ โดยกำหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุน ( Core Area)เบื้องต้น 3ประเทศ คือ ออสเตรเลีย พม่าและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่มีศักยภาพในการเติบโตดี พร้อมพิจารณาประเทศอื่นๆที่ลงทุนว่ามีโอกาสเข้าข่ายเป็นCore Area หรือไม่ แย้มไตรมาสแรกปริมาณขายก๊าซฯพลาดเป้าที่ตั้งไว้ 2.4 แสนบาร์เรล/วัน เหตุความต้องการใช้ไฟฟ้าหด

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยแผนการลงทุนในต่างประเทศว่า บริษัทฯได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยกำหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุนพัฒนาปิโตรเลียม(Core Area) ซึ่งจะต้องมีอัตราการเติบโตดี มีผลต่อการใส่งบลงทุนในการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมมากกว่าปกติ และสามารถเชื่อมโยงขนส่งมายังประเทศไทยหรือจุดรับของลูกค้าได้สะดวก เบื้องต้นได้กำหนดให้ประเทศออสเตรเลีย พม่า และอินโดนีเซียเป็นCore Area และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 10กว่าประเทศที่ปตท.สผ.ได้เข้าไปลงทุนว่าจะมีศักยภาพเป็น Core Areaได้หรือไม่

ทั้งนี้ปตท.สผ.ตัดสินใจได้เข้าไปซื้อบริษัท Coogee Resources Limited ประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นการปูทางในการซื้อแปลงปิโตรเลียมเพิ่มเติม เนื่องจากพื้นที่รอบๆแปลงสัมปทานดังกล่าวมีศักยภาพในการขุดเจาะสำรวจพบน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเพิ่ม ในส่วนของออสเตรเลียนั้นในปัจจุบันมีการผลิตน้ำมันดิบ 4,000 บาร์เรลต่อวัน ในช่วงปลายปีนี้จะผลิตเพิ่มอีก 35,000 บาร์เรล/วัน และวางแผนไว้ว่า ใน 5 ปีจะผลิตก๊าซธรรมชาติผ่านเทคโนโลยี FLOATING LIQUEFIED NATURAL GAS PRODUCTION (FLNG) ซึ่งเป็นการแปรสภาพก๊าซฯมาเป็นของเหลว ซึ่งวางแผนจะส่งกลับมายังไทยประมาณ 1-2 ล้านตัน/ปี ทำให้มีความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงLNGในอนาคต

" พม่ามีแหล่งก๊าซฯที่สำคัญทั้งยาดานา และเยตากุน ในอนาคตจะมีแหล่งM 9 ขณะที่อินโดนีเซียก็มีศักยภาพแหล่งน้ำมันดิบที่ดีเช่นกัน ส่วนออสเตรเลีย ทางบริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาเข้าซื้อแปลงสัมปทานปิโตรเลียมรอบโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซียเพิ่มเติม หลังพบว่าพื้นที่รอบๆน่าจะมีศักยภาพในการผลิตปิโตรเลียม"

สำหรับผลการดำเนินงานของปตท.สผ.ในไตรมาสแรกปีนี้มีทิศทางดีขึ้น แม้ว่าตัวเลขการใช้ก๊าซฯในช่วงม.ค.จะไม่ดี เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงมาก แต่พบว่ามี.ค.ความต้องการใช้ก๊าซฯกระเตื้องขึ้น ส่งผลให้ตัวเลขการขายก๊าซฯในช่วงไตรมาสแรกนี้ต่ำกว่าประมาณการของบริษัทฯเล็กน้อย จากเดิมที่ประมาณการขายปิโตรเลียมวันละ 240,240 บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ก๊าซฯปีนี้จะเติบโตกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซฯจะเป็นไปตามภาวะอากาศและฤดูกาลท่องเที่ยว โดยจะใช้ก๊าซฯเพิ่มสูงมากในช่วงไตรมาส 2-3 ซึ่งเข้าสู่ฤดูร้อน และการใช้ก๊าซฯจะต่ำสุดในไตรมาส 4 รองลงมาคือไตรมาสแรก

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว 2ปี ซึ่งแผนการลงทุนของเครือปตท. 5ปีข้างหน้า(2552-2556)ยังเป็นไปตามเดิม ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 8 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของปตท.เอง 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่น โครงการโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 6 การปรับปรุงโรงแยกก๊าซฯ 2 และ3 โครงการสร้างคลังรับก๊าซฯLNG ส่วนโครงการวางท่อบนบก เส้นที่ 4 อาจจะต้องมีการทยอยทำบางช่วง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการพลังงานที่ปัจจุบันชะลอตัวลงตามทิศทางเศรษฐกิจ

ส่วนการลงทุนของบริษัทในเครืออย่างปตท.สผ.ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในต่างประเทศ ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีจะเป็นการลงทุนในไทยส่วนใหญ่ ซึ่งเม็ดเงินลงทุนของปตท.นั้นถือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐ แต่เม็ดเงินที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศรอบ 2 นี้คงต้องมาจากการลงทุนโครงการต่างๆของภาครัฐเป็นหลัก

ส่วนความคืบหน้าการนำบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (SPRC) เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น คงต้องชะลอไปก่อน เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นตกต่ำ ดังนั้นในปีนี้จึงไม่มีแผนนำSPRCเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ และหากปีหน้าภาวะตลาดหุ้นไทยยังไม่ดี ก็คงต้องเลื่อนออกไปอีก จนกว่าภาวะตลาดหุ้นจะดีขึ้น

"ปีนี้ปตท.จะพยายามประคับประคองตัว โดยเชื่อว่าปีนี้รายได้จะต่ำกว่าปี 51 แต่กำไรสุทธิจะพยายามประคองไว้ให้ใกล้เคียงปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทยังมีภาระที่ต้องแบกรับทั้งแอลพีจีและเอ็นจีวี ขณะที่การแข่งขันรุนแรงขึ้นทำให้มาร์จินแคบลง ดังนั้นปีนี้จะเป็นปีที่แย่ที่สุด และปีถัดไปจะดีกว่าปี 2552" นายประเสริฐ กล่าว

กรุงไทยปล่อยกู้เอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ 5พันล.

วานนี้ (2 เม.ย.) นายจักรชัย บาลี ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด ลงนามในสัญญาเงินกู้ระหว่าง บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด กับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท และลงนามในสัญญาเงินกู้กับผู้ถือหุ้น ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ. ) ในวงเงินรวม 2,500 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินกู้ทั้งสิ้น 7,500 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้เดิม และใช้เป็นเงินทุนก่อสร้างโครงการ โดยเงินกู้ดังกล่าวมีอายุประมาณ 13 ปี

นายจักรชัย กล่าวว่า การทำสัญญาเงินกู้ครั้งนี้เพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้เดิมที่จะผู้ถือหุ้นทั้งสองรายปล่อยกู้ให้บริษัทฯ ทำให้ประหยัดอัตราดอกเบี้ยลงได้ปีละ 100 ล้านบาท ซึ่งอัตราดอกเบี้ยสัญญาเงินกู้กับธนาคารกรุงไทยครั้งนี้ เป็นเงินกู้ดอกเบี้ยลอยตัว ปัจจุบันอยู่ที่ 4%

โครงการศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ ถือเป็นต้นแบบอาคารด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานร่วม ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง เพื่อผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็นใช้ในโครงการฯเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าสูงสุด และมีความปลอดภัยสูง อาคารดังกล่าวนี้จะเป็นศูนย์รวมหน่วยงานทางด้านพลังงานของประเทศ ขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างมีความคืบหน้าประมาณ 75% คาดว่าจะสามารถเปิดให้เข้าใช้พื้นที่ได้ตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคม 2552   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us