|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"นมัสเต" อินเดียนับเป็นเมืองที่มีความพิเศษและมีมนตร์เสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวมักกลัวก่อนมาด้วยข่าวลือข่าวร้ายต่างๆ นานา แต่พอได้มาแล้วน้อยคนที่จะไม่หลงรัก ยิ่งถ้าเป็นทัวร์แสวงบุญด้วยแล้ว หลายคนปลื้มปิติ จนไป "อินเดีย" ครั้งเดียวคงไม่พอ
นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทัวร์เอื้องหลวงหันมารุกตลาดพุทธภูมิอย่างจริงจัง แม้แต่ดารายังลุกขึ้นมาตั้งบริษัททัวร์แสวงบุญอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
เที่ยวบิน TG8820 กรุงเทพฯ-พุทธคยา-พาราณสี มีผู้โดยสารเต็มลำ มีทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ฮ่องกง ทิเบต และอินเดีย แต่ฝรั่งผมทองก็มีให้เห็นไม่น้อย เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูแสวงบุญ เริ่มตั้งแต่ปลายตุลาคม-มีนาคม ซึ่งมีอากาศเย็นสบาย
สำหรับชาวพุทธ พุทธคยานับเป็นตำบลที่สำคัญที่สุดสำหรับพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลก เพราะที่นี่เป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า และยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2545
ว่ากันว่า หากเป็นเมื่อก่อนการเดินทางมาพุทธคยาต้องอาศัยศรัทธาและความอดทนอย่างสูง เพราะผู้แสวงบุญต้องนั่งเครื่องมาลงที่เมืองกัลกัตตาแล้วต่อรถไฟมากินเวลาร่วม 7 ชม. และจากพุทธคยาต้องนั่งรถต่อไปยังพาราณสี ระยะทางเพียง 256 กม. อาจกินเวลาร่วม 7 ชม. แต่ที่ยิ่งแย่ก็คือถนนหนทางอันขรุขระ บางครั้งถ้ารถติดคาราวานวัวอาจเสียเวลาไปอีกหลายชั่วโมง แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าท่อง "ขันติ"
เมื่อมีนักท่องเที่ยวกลุ่มนักแสวงบุญเดินทางมาที่นี่มากขึ้นๆ ประกอบกับคนอินเดียเริ่มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น หลายสายการบินจึงเริ่มเสนอตัวเข้ามาให้บริการรวมทั้งสายการบินไทย ที่มีเที่ยวบินธรรมมากถึง 4 ไฟลต์ต่อสัปดาห์ ซึ่งอัตราขนส่งผู้โดยสาร (load factor) สูงกว่า 90% ทีเดียว
พระสงฆ์ในวัดไทยที่อินเดียเล่าว่า เมื่อปลายปีที่แล้วมีคนไทยหนีความวุ่นวายทางการเมืองไปแสวงบุญแล้วพักที่วัดไทยมากถึงเดือนละ 30-50 คณะ บางวัน 5 คณะมาพร้อมกันรวมกว่า 200 คน จนแน่นวัดไปหมด ขณะที่บริษัททัวร์แห่งหนึ่งให้ข้อมูลว่าใน 5-6 เดือนของฤดูแสวงบุญ มักมีลูกค้าคนไทยซื้อทัวร์ไปจาริกแสวงบุญในอินเดียเดือนละกว่า 5 กรุ๊ป กรุ๊ปละประมาณ 20 คน
ด้วยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ทัวร์เอื้องหลวงหันมารุกตลาดพุทธภูมิอย่างจริงจัง และแม้แต่ดาราก็ยังลุกขึ้นมาตั้งบริษัททัวร์แสวงบุญอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
"เมื่อเทียบกับ 15 ปีที่แล้ว ทุกวันนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปแสวงบุญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทัวร์ประเภทนี้ได้รับความนิยมน่าจะมาจากช่วงเริ่มต้นมีพระภิกษุที่เดินทางไปจาริกแล้วมาบอกต่อกับญาติโยม บวกกับการเดินทางสะดวกจึงทำให้ผู้แสวงบุญเข้าถึงได้ง่ายขึ้น" บริษัททัวร์เล่าให้ฟัง
สอดคล้องกับการบินไทยที่เชื่อว่าพระสงฆ์ไทยในอินเดียเป็นกลไกที่ผลักดันให้ทัวร์แสวงบุญเติบโตยิ่งๆ ขึ้น จึงมีการเชิญเจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์มาฉันเพลที่การบินไทยเพื่อประสานความสัมพันธ์อันดี
หลวงวิจิตรวาทการเคยกล่าวไว้ในหนังสือของดีในอินเดียว่า ใครมาเยือนอินเดียแล้วไม่ได้แวะมาพาราณสี ถือว่ายังมาไม่ถึงอินเดีย เพราะที่นี่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียโดยแท้เอาไว้ได้เกือบทุกกระเบียดนิ้ว โดยเฉพาะประเพณีโบราณเก่าแก่อย่างการอาบน้ำล้างบาปและการเผาศพริมฝั่งแม่น้ำคงคา ที่ยังมีให้เห็นแม้กาลเวลาจะผ่านมาแล้วกว่าหลายพันปี
การล่องแม่น้ำคงคาเพื่อชมพิธีบูชาพระอาทิตย์และการอาบน้ำล้างบาปของชาวฮินดูริมฝั่งแม่น้ำคงคา และพิธีเผาศพด้วยกองฟอนที่ไม่เคยมอดมานานกว่า 3 พันปี จึงถูกบรรจุในแทบทุกโปรแกรมที่มาเยือนเมืองนี้
หลวงวิจิตรวาทการลงความเห็นว่า พาราณสีเป็นเมืองสำหรับตาย เหล่าราชา มหาราชา และเศรษฐีทั้งหลายจึงเลือกมาสร้างคฤหาสน์ริมน้ำคงคามากมายเพียงเพื่อรอวันย้ายมาเมื่อพวกเขาใกล้ตาย ...ส่วนคนไข้ใกล้ตายคนไหนที่ไม่มีตำหนักเป็นของตน แต่พอมีเงินที่เก็บมาตลอดชีวิตเพื่อการนี้ ที่นี่ก็มีห้องแถวให้เช่า ซึ่งคนไทยเรียกกันว่า "มรณังโฮเต็ล"
นอกจากพุทธคยาในรัฐพิหาร อินเดียมีพุทธสังเวชนียสถานอีก 2 แห่งในรัฐอุตตรประเทศ ซึ่งล้วนแต่อยู่ตอนบนของอินเดีย โดยแห่งหนึ่งอยู่ที่เมืองสารนาถซึ่งเป็นสถานที่ ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อีกแห่ง อยู่ที่เมืองกุสินารา อันเป็นสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
ส่วนสถานที่ประสูติอยู่ในเมืองลุมพินี ประเทศเนปาล ดังนั้น บริษัททัวร์หลายแห่งจึงมักจัดโปรแกรมไปเที่ยวเนปาล เข้าไปในแพ็กแสวงบุญพร้อมกันด้วย
สำหรับมือใหม่หัดไปอินเดีย อย่างน้อยจะมี 4 สิ่งที่จะถูกบอกเล่าให้กลัวล่วงหน้า คือโรคท้องเสียที่จะมาพร้อมกับความสกปรกและเชื้อโรค, กับดักอุจจาระที่ทำให้ต้องหมั่นเจริญสติเสมอๆ, ห้องน้ำ ที่หายากจนเกิดคติประจำทัวร์ "หญิงซ้าย ชายขวา" เวลาที่รถจอดให้ลงข้างทาง
สุดท้ายคือ ขอทานที่จะดักรอขอกับคนไทยที่หน้าตาดูมีราศี โดยมีลูกไม้ให้ใจอ่อนด้วยการเรียกว่า "ราชา" หรือ "มหาราชา" สำหรับผู้ชาย และ "รานี" หรือ "มหารานี" สำหรับผู้หญิง ซึ่งผู้เล่ามักจะมาพร้อมคำเตือนว่า อย่าได้ให้เพราะพวกเขาจะมารุมกันอีกเพียบ
ทั้งนี้ รัฐพิหารและอุตตรประเทศถือเป็นรัฐที่ยากจนที่สุด 2 อันดับแรกของประเทศอินเดีย แต่พอมีวัดพุทธและ
ชาวพุทธจากทั่วโลกมาเที่ยวแสวงบุญ เศรษฐกิจของเมืองอันเป็นที่ตั้งของพุทธศาสนสถานเหล่านี้ก็เริ่มโตขึ้น พร้อมๆ กับจำนวนขอทานที่มากขึ้นกว่าที่อื่น
แม้อินเดียจะมีพุทธสังเวชนียสถานถึง 3 แห่ง แต่ศาสนาที่คนอินเดียนับถือมากที่สุดกว่า 80% คือศาสนาฮินดู ส่วนศาสนาพุทธมีคนอินเดียนับถือเพียงไม่ถึง 2% โดยคนอินเดียนับถือศาสนา เทพเจ้า และนิกายต่างๆ หลากหลายร่วม 400 ศาสนา
ศาสนาเป็นรากฐานสำคัญที่ส่งผลต่อวัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะ และวิถีชีวิต
ในเมื่ออินเดียมีหลายศาสนาเช่นนี้ ความหลากหลายของศิลปวัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิต จึงกลายเป็นจุดขายของประเทศนี้ เช่น Taj Mahal สถาปัตยกรรมอิสลามชิ้นเอกของอินเดีย อนุสรณ์แห่งความรักที่กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นต้น
ไม่เพียงความหลากหลายในมิติวัฒนธรรม อินเดียยังมีความแตกต่างทางภูมิประเทศ ที่ทำให้เกิดความงดงามทางธรรมชาติ กลายเป็น "สินค้าท่องเที่ยว" อีกรูปแบบ
นอกจากทัวร์แสวงบุญและทัวร์วัฒนธรรม รัฐบาลอินเดียยังพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องศักยภาพและความหลากหลายที่ดินแดนแห่งนี้มีอยู่แต่เดิมเป็นเนื้อนาบุญ และที่เกิดจากแรงผลักดันของภาครัฐ เช่น ทัวร์ผจญภัย ทัวร์ท่องป่าและท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทัวร์ชนบท (Rural Tourism) ทัวร์สุขภาพ ทัวร์เมืองหนัง "Bollywood" และไมซ์ทัวร์ เป็นต้น
"อินเดียและจีนเป็นประเทศที่มีขนาดธุรกิจใหญ่มาก และจะเติบโตอย่างมากในอีก 2 ปีข้างหน้า เราก็เลยเห็นโอกาสที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปใน 2 ประเทศนี้ เยอะขึ้นเรื่อยๆ ภายใน 2-3 ปีนี้ เราจึงมีโปรเจ็กต์ที่จะเปิดโรงแรมใน 2 ประเทศนี้เยอะมาก" ผู้จัดการระดับเอเชียแปซิฟิกของเชนโรงแรมระดับโลกอย่าง Accor และ Marriott กล่าวตรงกัน
สอดคล้องกับสิ่งที่วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานบอร์ดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เคยกล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ "คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวปี 2552" ว่า จีนและอินเดียจะเป็น 2 ใน 10 ประเทศต้นๆ ที่มีคนไปมากที่สุด
ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปเที่ยวอินเดียกว่า 5 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวร่วม 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่า GDP ของทั้งประเทศกว่า 10 เท่า
ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจโลกเช่นนี้ รัฐบาลอินเดียร่วมมือกับภาคเอกชนทั้งสายการบินและโรงแรมที่พักจากทั่วประเทศ ออกแคมเปญ "VISIT INDIA 2009" ซึ่งเป็นโปรโมชั่นพิเศษเพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มจากทุกมุมโลก ...ให้ลองเปิดใจแล้วมาเที่ยวที่นี่
หลังจากได้ "Feel India from Within"... อินเดียจะเป็นเพียงเมืองที่คนกลัวก่อนมา แต่จะตกหลุมรักจนอยากกลับมาค้นหา "อินเดีย" ครั้งแล้วครั้งเล่า ...เหมือนกับหลายๆ คน
|
|
|
|
|