Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน31 มีนาคม 2552
เปิดโผ5บจ.ขาดทุนเข้าเกณฑ์ก.ล.ต. ผู้สอบบัญชีสงสัยความสามารถดำเนินงาน             
 


   
www resources

โฮมเพจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

   
search resources

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
Stock Exchange




ตลาดหุ้นเปิดรายชื่อ 5 บริษัทจดทะเบียนเข้าข่ายเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ก.ล.ต. หลังขาดทุนสุทธิ แม้หักผลขาดทุนจากการลงทุน โดยเฉพาะ BLISS, IEC และ LIVE ซึ่งผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่อง และมีการถือหุ้นระหว่างกันคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนชั่วคราว 258 ล้านบาท

วานนี้(30มี.ค) ตลาดหลักทรัพย์ได้รวบรวมข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนที่นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และเป็นบริษัทที่หากไม่รวมกำไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุนแล้วยังมีผลขาดทุนสุทธิ และเมื่อพิจารณาจากงบการเงินประจำปี 2551 เข้าข่ายต้องเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต.1/ จำนวน 5 บริษัท คือ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) (BLISS), บมจ.เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง (GEN) ,บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอ็นจิเนียริง (IEC),บมจ.ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น (LIVE)และ บมจ.ซันไชน์ คอร์เปอเรชั่น (SSE)

โดยผลดำเนินงานของทั้ง 5 บริษัทสำหรับงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ปรากฏว่า BLISS ขาดทุนสุทธิ 942 ล้านบาท โดยขาดทุนจากการลงทุน 702 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิที่ไม่รวมขาดทุนจากเงินลงทุน 240 ล้านบาท GENขาดทุนสุทธิ 65 ล้านบาท ขาดทุนจากการลงทุน 2ล้านบาท ขาดทุนสุทธิที่ไม่รวมขาดทุนจากเงินลงทุน 63 ล้านบาท IEC ขาดทุนสุทธิ 1,172 ล้านบาท ขาดทุนจากการลงทุน 706 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิที่ไม่รวมขาดทุนจากเงินลงทุน 466 ล้านบาท

ด้าน LIVE ขาดทุนสุทธิ 253 ล้านบาท โดยขาดทุนจากการลงทุน 80 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิที่ไม่รวมขาดทุนจากเงินลงทุน 173 ล้านบาท และ SSE ขาดทุนสุทธิ 33 ล้านบาท ขาดทุนจากการลงทุน 24ล้านบาท ขาดทุนสุทธิที่ไม่รวมขาดทุนจากเงินลงทุน9ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯพบว่า ณ 31 ธันวาคม 2551 BLISS LIVE และ IEC มีสัดส่วนการลงทุนระหว่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดย BLISS มีเงินลงทุนใน LIVE และ IEC คิดเป็น 49.89% และ 48.97%ของมูลค่าเงินลงทุนชั่วคราว 60 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ LIVE มีเงินลงทุนใน IEC คิดเป็น 99.37% ของมูลค่าเงินลงทุนชั่วคราว 118 ล้านบาทและ IEC มีเงินลงทุนใน LIVE คิดเป็น 91.89% ของมูลค่าเงินลงทุนชั่วคราว 80 ล้านบาท

โดยเหตุการณ์ภายหลังวันที่ในงบดุลปรากฏข้อมูลที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับการซื้อขายเงินลงทุนชั่วคราวดังนี้ BLISS มีผลขาดทุนจากเงินลงทุนหลังสิ้นงวดจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552 จำนวน56.43 ล้านบาท ซึ่งอาจมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ซึ่งเท่ากับ28.97 ล้านบาท

ส่วน LIVEปรากฏข้อมูลการซื้อขายเงินลงทุนหลังวันสิ้นงวดจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552โดยเป็นการซื้อและขายเงินลงทุนใน IEC ทั้งหมดของมูลค่าซื้อเงินลงทุน 4.93 ล้านบาท และ 96.68 %ของมูลค่าขายเงินลงทุน 24.83 ล้านบาทตามลำดับ ด้านIEC มีผลขาดทุนจากเงินลงทุนหลังสิ้นงวดจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ จำนวน 23ล้านบาท ซึ่งผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของ BLISS, IEC และ LIVE

อนึ่ง สำนักงานก.ล.ต.กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยยอดซื้อขายหลักทรัพย์ระหว่างงวดที่มีสาระสำคัญในหมายเหตุประกอบงบการเงิน กรณีบริษัทมีผลรวมค่าสัมบูรณ์ของรายการซื้อและรายการขายเงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนเกิน 2 เท่าของยอดคงค้างของเงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียน และผลรวมดังกล่าวเกิน 5% ของสินทรัพย์รวม ณ วันสิ้นงวด (ยกเว้น บริษัทที่ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เงินทุนหลักทรัพย์ และประกันภัยและประกันชีวิต) ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้รวบรวมข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน
ที่มีการซื้อขายเงินลงทุนตามเกณฑ์ดังกล่าวในไตรมาสที่ 4 ปี 2551

สำหรับสรุปข้อสังเกตผู้สอบบัญชีเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของ BLISS, IEC และ LIVE แบ่งได้ออกเป็น BLISS 1) วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำอย่างมากมีผลกระทบต่อการลดลงของราคาตลาดของเงินลงทุนชั่วคราว ทำให้บริษัทมีขาดทุนจากเงินลงทุนในปี 2551 จำนวน 702 ล้านบาท 2) บริษัทได้ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศสองแห่ง ซึ่งผลจากการผิดนัดดังกล่าว อาจทำให้ธนาคารมีสิทธิเร่งให้บริษัทชำระหนี้ทั้งหมดได้ทันที ซึ่ง ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารพาณิชย์ในประเทศแต่ยังไม่ทราบผล

ด้าน IEC 1) บริษัทย่อยได้ซื้อทรัพย์สิน (โรงงานผลิตเอทานอลได้แก่ที่ดิน อาคาร และเครื่องจักร) จากบริษัทแห่งหนึ่ง 465 ล้านบาท ต่อมาบริษัทย่อยดังกล่าวถูกฟ้องคดีต่อศาลเกี่ยวกับการซื้อทรัพย์สินดังกล่าวเป็นโมฆะทุนทรัพย์ 181 ล้านบาท และฐานความผิดข้อหายักยอกทรัพย์ 2) บริษัทย่อยและบริษัทถูกธนาคารฟ้องให้ชำระหนี้เงินกู้ยืมพร้อมบังคับจำนองทรัพย์สิน 3) วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำอย่างมากมีผลต่อการลดลงของราคาตลาดของเงินลงทุนชั่วคราวทำให้กลุ่มบริษัทขาดทุนจากเงินลงทุนในปี 2551 จำนวน 706 ล้านบาท

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทย่อยได้อนุมัติให้เปลี่ยนแผนการผลิตเอทานอลเป็นการผลิตไบโอดีเซลเนื่องจากเอทานอลล้นตลาด ในเบื้องต้นคาดว่าสามารถนำเครื่องจักรเดิมมาใช้งานได้บางส่วน จึงบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของเครื่องจักร ณ 31 ธันวาคม2551 จำนวน 160 ล้านบาท

สุดท้าย LIVE 1)บริษัทและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ โดยในขาดทุนสุทธินี้ได้รวมผลขาดทุนสุทธิที่เกิดจากการลงทุนในหลักทรัพย์ 2) มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินต่อเนื่องโดยมีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานติดลบ และ3) LIVE อยู่ในช่วงทบทวนแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยอันเนื่องมาจากผลกระทบของวิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2551   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us