Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน31 มีนาคม 2552
'สหวิริยา'หวังศาลชี้ขาดปัญหาที่ดิน             
 


   
www resources

โฮมเพจ สหวิริยาสตีลอินดัสตรี

   
search resources

สหวิริยาสตีลอินดัสทรี, บมจ.
วิน วิริยประไพกิจ
Metal and Steel
Law




เครือสหวิริยาเชื่อโครงการโรงถลุงเหล็กไม่ได้รับผลกระทบจากการยื่นฟ้องศาลปกครองเอาผิดเจ้าหน้าที่เพิกเฉยการดูแลป่าพรุที่อ.บางสะพาน อ้างได้รับเอกสารสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายแถมตัดพื้นที่ดังกล่าวออกจากโครงการไปแล้ว มองแง่ดีศาลชี้ขาดจะได้ยุติข้อสงสัย ยันบริษัทพร้อมลงทุนหากรัฐมีนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจน

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และกรรมการ เครือสหวิริยา เปิดเผยกรณีที่ศาลปกครองกลางรับฟ้องคดีสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐ 11 แห่งในฐานะหน่วยงานปกครองหรือเจ้าหน้าที่รัฐเพิกเฉย ละเลยหน้าที่ในการอนุรักษ์ดูแลพื้นที่ป่าพรุ ป่าชายเลน ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ โดยขอให้เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกโดยไม่ชอบว่า การยื่นฟ้องดังกล่าว คงไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน เนื่องจากเอกสารสิทธิต่างๆที่บริษัทฯถือครองที่ดินในพื้นที่นั้นออกมาอย่างถูกกฎหมาย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจสอบยืนยันว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้มีการบุกรุกป่า

อย่างไรก็ตาม การยื่นฟ้องศาลปกครองกลางครั้งนี้ หากพิจารณาในแง่บวกก็เป็นโอกาสดีที่จะให้ศาลพิจารณาเพื่อยุติข้อสงสัยดังกล่าว

“ บริษัทฯยืนยันว่า เอกสารใบถือครองที่ดินเพื่อลงทุนโครงการโรงถลุงเหล็กที่อ.บางสะพานนั้นมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยบริษัทฯได้ซื้อมาจากชาวบ้านมานานหลายสิบปีก่อนหน้านี้ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งการออกมาของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนแบบนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการลงทุน และเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุนด้วย”

นอกจากนี้ พื้นที่ตั้งโครงการโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยาทั้งหมด 1,163 ไร่ แม้ว่าจะ เป็นพื้นที่เอกสารสิทธิที่ถูกต้อง แต่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาข้อพิพาท ทางเครือสหวิริยาจึงได้ตัดพื้นที่ที่มีข้อโต้แย้งดังกล่าวออกจากผังของโครงการฯ ไปจำนวน 17 แปลง กินพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ไปนานแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ในข่ายที่สมาคมฯได้ยื่นร้องต่อศาลปกครองกลางครั้งนี้

ส่วนความคืบหน้าโครงการลงทุนโรงงานถลุงเหล็ก ขณะนี้ได้ชะลอไปก่อนเนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลที่จะสนับสนุนโครงการดังกล่าวเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้า โลจิสติกส์ อย่างไรก็ตาม หากรัฐมีนโยบายในเรื่องนี้ชัดเจนขึ้นบริษัทฯก็พร้อมที่จะลงทุน ขณะเดียวกันบริษัทฯก็ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการดังกล่าวในจีนและเวียดนามด้วย

นายวิน กล่าวต่อไปว่า โครงการโรงถลุงเหล็กมีความจำเป็นในแง่เศรษฐกิจที่ภาครัฐต้องการส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการจ้างงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ขณะเดียวค่าใช้จ่ายในการลงทุนก่อสร้าง อุปกรณ์เครื่องจักรต่ำลงด้วย เนื่องจากหลายประเทศชะลอการลงทุนลง

สำหรับสถานการณ์ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนขณะนี้ราคาทรงตัวอยู่ หลังจากปลายปีที่แล้วปรับตัวลดลงมาก ทำให้ลูกค้ามีการใช้สต็อกเหล็กจนปัจจุบันสต็อกสินค้าลดลง ส่วนผลกระทบจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มียอดการผลิตลดลงนั้น ไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากธุรกิจยานยนต์ใช้เหล็กแผ่นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้ตลาดส่งออกยังมีความต้องการอยู่บ้าง ทำให้บริษัทฯหันไปส่งออกเหล็กแผ่นรีดร้อนเพิ่มขึ้น โดยราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนอยู่ที่ตันละ 500 เหรียญสหรัฐ

เมื่อเร็วๆนี้ ศาลปกครองกลางได้รับฟ้องคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พร้อมพวกรวม 50 คน ยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐ 11 แห่ง ในฐานะหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิกเฉยหรือละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติในการอนุรักษ์ รักษา คุ้มครองดูแลพื้นที่ป่าพรุ ป่าชายเลน ตำบลแม่รำพึง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ชุมชนใช้ร่วมกันมายาวนาน ประกอบด้วย 1. อบต.แม่รำพึง 2. อบต.กำเนิดนพคุณ 3. เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาบางสะพาน 4.นายอำเภอบางสะพาน 5.ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

6.อธิบดีกรมที่ดิน 7.อธิบดีกรมป่าไม้ 8.อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช 9.อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 10.คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 11.รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมี บริษัท ประจวบพัฒนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (คู่กรณีฝ่ายที่สาม) ผู้ร้องสอด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us