|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอสซีจีกังวลตลาดก่อสร้างหดตัวหนัก จับมือร้านค้าทั่วประเทศอัดโปรโมชั่นเร่งยอด สมาร์ทวูดเชื่อตลาดสินค้าทดแทนไม้ยังโต เผยกลยุทธ์ปีนี้เน้นขายสินค้ามูลค่าสูง ขยายตลาดส่งออก หวังประคองยอดขายทรงตัวท่ามกลางภาวะตลาดบ้านใหม่หดตัว
แม้ว่าสินค้าไม้สังเคราะห์ภายใต้แบรนด์ “สมาร์ทวูด” และแผ่นฝ้า เพดาน ผนัง “สมาร์ทบอร์ด” ภายใต้บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด ของเครือเอสซีจี จะเป็นเพียงผู้เล่นรายใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดไม้สังเคราะห์เพียงไม่กี่ปี แต่เพราะมีเครือข่ายของซิมเนต์ไทยโฮมมาร์ทในการทำตลาดของตัวเองอย่างครอบคลุม รวมถึงมีสินค้าวัสดุก่อสร้างในไลน์อื่นๆ ที่สามารถ Synergy ต่อยอดกันได้ในหลายรูปแบบ จึงกลายเป็นจุดที่แข็งแกร่งของเอสซีจี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจาะตรงเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในยุคที่กำลังซื้อชะลอตัวรุนแรง
ภาวะตลาดที่หดตัวกลายเป็นความท้าทายของพันเทพ สุภาไชยกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด หัวเรือใหญ่คนใหม่ซึ่งย้ายมาจากบริษัท สยามมิชลิน ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเพียงไม่กี่เดือนต้องเข้ามารับบทหนักในช่วงนี้ แม้เมื่อสิ้นปี 2551จะเร่งผลักดันจนมียอดขายรวม 6,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4% เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ได้ แต่ภาพรวมตลาดปีนี้ที่ยังไม่ดีขึ้น คาดว่าตลาดการก่อสร้างบ้านใหม่จะหดตัวลง 15% เหลือ 18,000 ล้านบาท จากเดิม 20,000 ล้านบาทในปีที่แล้ว อาจทำให้ยอดขายในปีนี้ของบริษัททรงตัว มีการเติบโตลดลง ทำให้ในไตรมาสแรกของปีนี้สินค้าแบรนด์ตราช้าง หนึ่งในเครือเอสซีจีต้องงัดกลยุทธ์โปรโมชั่นออกมาใช้ เพื่อเร่งการตัดสินใจซื้อ โดยจับมือกับธุรกิจในเครือ ได้แก่ เอสซีจี ซิเมนต์ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างอื่นๆ ในเครือ ผู้จัดจำหน่ายของเอสซีจี และร้านค้าวัสดุก่อสร้างทั่วประเทศ จัดแคมเปญ “บ้านสมาร์ทกับเสือช้าง” เป็นการลดราคาครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือน ก.พ.-มี.ค. ในลักษณะขายราคาเดียวกันทั้งจังหวัด
นอกจากนี้การเติบโตของรายได้ปีนี้ส่วนหนึ่งจะมาจากการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 5-10% เป็นการเดินตามกลยุทธ์ของเอสซีจีในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่จะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเน้นตลาดที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มอาเซียน แอฟริกา ตะวันออกกลาง รวมถึงการหันมาทำตลาดด้วยการขายสินค้าฝ้าและผนังแบบพ่วงระบบ เช่น ระบบกันร้อน ระบบกันเสียง ระบบทนไฟ ระบบระบายอากาศ และการเน้นขายสินค้ามูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรของบริษัท เช่น ไม้รั้วความหนา 12 และ 16 มม. สามารถทนแรงกระแทกได้ดีขึ้น ฝ้าระบายอากาศเซาะร่อง 3 นิ้ว ที่ให้ความสวยงามเหมือนไม้ระแนง โดยใช้คุณสมบัติเรื่องไม่มีส่วนผสมของใยหิน ปลอดภัยต่อสุขภาพ และเป็นสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม ทดแทนการใช้ไม้ได้ 90% ลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน เช่น ระบบม่านกันแดด จึงช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานได้เป็นจุดขาย
สินค้าภายใต้บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด ประกอบด้วยกลุ่มกระเบื้องหลังคาภายใต้แบรนด์ “ลอนคู่สีตราช้าง” “พรีม่า” “ไอยร่า” กลุ่มไม้สังเคราะห์ “สมาร์ทวูด” และกลุ่มฝ้า ผนัง “สมาร์ทบอร์ด” ซึ่งพันเทพกล่าวว่า ในปีนี้กลุ่มสินค้าทดแทนไม้ยังมีแนวโน้มอัตราการเติบโตที่ดี น่าจะหดตัวน้อยกว่าตลาดหลังคา เพราะมีคุณสมบัติที่ดีและมีราคาถูกกว่าไม้ครึ่งหนึ่ง สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ รวมถึงเป็นสินค้าตกแต่งที่มีราคาต่ำกว่าหลังคา ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายกว่า
|
|
|
|
|