|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
แนวโน้มปล่อยกู้ใหม่ลด ส่วนต่างดอกเบี้ยหด ผลักแบงก์ขึ้นค่าธรรมเนียมชดเชย โบรกฯคาดแบงก์ใหญ่สาขาเยอะได้เปรียบ แม้ว่าโดยภาพรวมของกลุ่มแล้วจะเป็นสัดส่วนไม่มากก็ตามที
การที่ธนาคารพาณิชย์ ได้มีการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียม เช่น ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมรายปีบัตรATM เป็น 200 บาท และธนาคารกรุงไทย(KTB) ก็ได้มีการขึ้นค่าธรรมเนียมบัตรเงินด่วนทุกประเภท รวมทั้งธนาคารพาณิชย์อื่นๆก็มีการปรับขึ้นเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณของการปรับตัวในช่วงที่ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้น้อย และ ส่วนต่างดอกเบี้ยจ่ายและดอกเบี้ยรับ(NIM) มีแนวโน้มแคบลง จึงต้องหารายได้ด้านอื่นๆมาชดเชย
สุกัญญา อุดมวรนันท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จากบริษัทหลักทรัพย์(บล.)กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ประเมินว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้กลุ่มธนาคารพาณิชย์เริ่มมุ่งหวังรายได้ค่าธรรมเนียมมากขึ้นเพราะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า อีกทั้งยอดการปล่อยสินเชื่อมีการปรับลดลง โดยธนาคารที่คาดว่าจะมีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือธนาคารกสิกรไทย (KBANK)เนื่องจากเป็นปีแห่งการขยายธุรกิจ ล่าสุดได้ร่วมมือกับไทยประกันชีวิต ซึ่งธนาคารตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียม 3 ปีโต30% รวมทั้งการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมบัตรATM อาจจะเป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งปี 2552เติบโตประมาณ 20% จากปี2551ที่มีรายได้ดังกล่าวเติบโตถึง 27.2% หรือจำนวน 21.04หมื่นล้านบาท จึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”โดยให้ราคาเหมาะสม 60 บาท
รวมทั้งการที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ที่ได้เข้าซื้อ จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส(GECAL) ก็คาดว่าจะทำให้ค่าธรรมเนียมทั้งปีจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% เช่นกัน จึงแนะนำ “เก็งกำไร” ที่ราคาเหมาะสม 10.80 บาท ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) คาดว่าจะมีรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งปีอยู่ที่ 15% เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีสาขามากที่สุดในกลุ่ม แต่การที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ จึงส่งผลให้มีรายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตน้อยกว่า KBANK และ BAYแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”SCB ให้ราคาเหมาะสม 60 บาท ขณะที่ BBL เชื่อว่าการที่เป็นธนาคารขนาดใหญ่จะมีรายได้ค่าธรรมเนียมทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 15% แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”ราคาเหมาะสม 80 บาท
“แม้รายได้จากดอกเบี้ยในปีนี้จะตกต่ำลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเนื่องจากฐานรายได้ที่กว้างขึ้นและสินเชื่อที่ลดปริมาณลงตามเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าแบงก์จะเริ่มรุกรายได้ค่าธรรมเนียมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายธุรกิจหรือออกผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนรายได้ค่าฟีในช่วงดอกเบี้ยขาลง”
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) มองว่า แม้ที่ผ่านมากลุ่มธนาคารพาณิชย์จะปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมบัตร ATM ซึ่งทดแทนปริมาณสินเชื่อที่ปรับตัวลดลงมหาศาลจากยอดส่งออกและการท่องเที่ยวซึ่งส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยปรับตัวลดลงมาก แต่เชื่อว่าการปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมบัตร ATM จะสามารถเพิ่มรายได้ดอกเบี้ยได้ประมาณ 2% เท่านั้นนับว่าน้อยมากเมื่อนำมาเทียบกับสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยต่อสินเชื่อรวมที่มีถึง 20%
นอกจากนี้จากการที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ต่างขยายกิจการด้าน Bank Assuranceเพื่อหวังรายได้ค่าธรรมเนียม ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และอาจมีผลกระทบต่อยอดขายให้ลดลง ขณะที่ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวยังซ้ำเติมรายได้ดอกเบี้ย ส่งผลให้กลุ่มธนาคารต้องหาวิธีเพิ่มรายได้มากขึ้น แต่การปรับเพิ่มค่าธรรมเนียมบัตรATMคาดว่าจะได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มเพียง 2% และเมื่อนั้นมาหักลบกับสินเชื่อที่ลดลงของกลุ่มธนาคารก็แทบไม่ได้เป็นสัดส่วนอะไรมากนัก แต่สำหรับธนาคารที่ได้รับประโยชน์มากจะเป็นแบงก์ใหญ่ซึ่งมีเครือข่ายบริการกว้างขวางทั่วประเทศ ได้แก่ BBL, KTB, KBANK และ SCB
|
|
 |
|
|