|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้แจงกรณี L&E-W1 แค่เตือน ยังไม่เชือดมือดีสร้างราคา “ภัทรียา”อัด บล.บีฟิท ปล่อยขายหุ้น “ไทยโพลีคอนส์”ไม่ผิดกฎหมาย แต่ไร้จรรยาบรรณ จะทำให้ความไว้วางใจจากนักลงทุนหดหาย ล่าสุดเหลือเพียงรอ ก.ล.ต.ตัดสินความผิดรวมทั้งพิจารณาเพิกถอนไลน์เซ่นส์ ด้านBSEC ก้นร้อนรีบรายงานผลประชุมบอร์ดครั้งล่าสุด เพื่อตอบรับเพิ่มทุนTSFC พร้อมยืนยันไม่การปลด 4 ผู้บริหาร
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากกรณีนักลงทุนมีการส่งคำสั่งซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิบริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน)หรือ L&E-W1 เข้าข่ายไม่เหมาะสมนั้น ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการตรวจพบและได้มีการแจ้งเตือนไปยังบริษัทหลักทรัพย์ฯ(บล.)ให้มีการเตือนลูกค้าในเรื่องการส่งคำสั่งซื้อขาย โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะยังไม่มีการตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนเท่านั้น
"L&E-W1 ที่มีนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นในราคาที่สูงกว่าในกระดานมากนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเตือนเฉยๆยังไม่ได้มีการตรวจสอบเพิ่มเพื่อเอาผิดกับนักลงทุนรายนั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวนั้นที่ผ่านมาก็เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกกรณีจะมีการเอาผิด โดยขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ " นางภัทรียา กล่าว
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่า ได้มีรายการที่ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขาย L&E-W1 ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตจำนวน 100 หุ้น ราคาหุ้นละ 0.88 บาท ในเวลา 10:01 น. ซึ่งทำให้ราคาหุ้นL&E-W1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากราคา 0.03 บาท มาที่ราคา 0.80 บาท โดยเพิ่มขึ้น 2,566.67% โดยในเวลาต่อมา คือ เวลา 10:02 น. ลูกค้ารายดังกล่าวได้ส่งคำสั่งเสนอขายทันที 40,100 หุ้น ที่ราคา 0.19บาท ซึ่งจากพฤติกรรมการส่งคำสั่งดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ถือว่า เข้าข่ายเป็นการส่งคำสั่งที่ไม่เหมาะสม เนื่องจาก ลูกค้ามีเจตนาทำให้ราคาหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะขายหลักทรัพย์ที่ตนเองมีอยู่ก่อนหน้า
ขณะที่กรณี บล. บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BSEC ในฐานที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY ได้ขายหุ้นของTPOLY ออกมานั้นในวันแรกที่เปิดซื้อขายในกระดานทั้งที่ยังมีเวลาในการขาย 30 วัน นั้น กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ให้ความเห็นว่า การประทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่ผิดจรรยาบรรณในการทำงาน
โดยการกระทำดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนไม่ไว้วางใจและกล้าที่จะมาใช้บริการของบริษัทดังกล่าว ซึ่งฝ่ายบริหารของบล.บีฟิทจะต้องมีการจัดการที่ดี และควรมีการแก้ไข ส่วน BSEC จะมีความผิดในด้านการดำเนินงานหรือไม่นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)จะทำหน้าที่ดูแลว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร รวมถึงขั้นตอนเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินหรือไม่
อย่างไรก็ตามในเรื่องการขายหุ้นไอพีโอของ TPOLY ซึ่งทางบอร์ดของบล.บีฟิท ไม่ทราบเรื่องนั้น นายภัทรียา กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องการขัดแย้งกันภายในซึ่งฝ่ายบริหารจัดการจะต้องมีการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนหรือบุคคลอื่น ดังนั้นจะต้องมีการประสานงานกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องการเปิดเผยข้อมูล
ส่วนในเรื่องการควบรวมกับบล.ยูโอบี (ประเทศไทย)นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการสอบถามไปและทาง บล.บีฟิท รวมถึง บล.ยูโอบีเคเฮียน (ประเทศไทย) (UOBKH) ได้มีการชี้แจงข้อมูลมาแล้ว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการลำดับเหตุการณ์ของทั้ง 2 บริษัทไว้แล้วในเว็บไซต์เพื่อให้นักลงทุนมีการพิจารณาในการลงทุน และนักลงทุนควรที่จะมีความระมัดระวังในการลงทุนเช่นกัน
ขณะเดียวกัน วานนี้ บล.บีฟิท ได้ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่มีข่าวปรากฏตามสื่อในวันที่ 19 มีนาคม 2552 ว่าบริษัท จะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทด่วน (20มี.ค.) โดยมีวาระการพิจารณาสั่งปลดหรือลงโทษผู้บริหารนั้น บริษัทขอเรียนว่ามีการจัดประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2552 ในวันดังกล่าวจริง โดยเป็นการประชุมเพื่อพิจารณาระเบียบ โดยมีวาระตามปกติ ดังนี้ วาระที่ 1 รับรองรายงานการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/2552 และรายงานการประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่3/2552
วาระที่ 2 รายงานการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหาร วาระที่ 3 พิจารณาอนุมัติการลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด วาระที่ 4 รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดจำหน่ายหุ้น TPOLY และวาระที่ 5 พิจารณาเรื่องอื่น ๆ (ถ้ามี)
ทั้งนี้ การจัดประชุมเลื่อนให้เร็วขึ้นจากกําหนดการเดิม เนื่องจากคณะกรรมการเห็นสมควรให้บริษัทจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำทุกเดือน จากเดิมที่จะจัดให้มีการประชุมไตรมาสละ 1 - 2 ครั้ง อีกทั้งบริษัทจะต้องตอบรับการลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (TSFC) ซึ่งจะได้ต้องได้ข้อสรุปภายในเดือนมีนาคม 2552
โดยจากการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งล่าสุด ที่ประชุมได้มีมติซึ่งบริษัทควรแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบในวาระที่ 4 กล่าวคือ คณะกรรมการบริษัทได้รับทราบรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของTPOLY อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยยังมีข้อเท็จจริงอื่นที่สำคัญเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นสมควรให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาสั่งปลดหรือลงโทษบริหาร 4 ราย ได้แก่ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ นางพรรณี เถกิงเกียรติ นายเดชา แปงคำ และนายธนกฤต เอื้อสงวนกุล นั้น ขณะนี้คณะกรรมการบริษัทยังมิได้มีการพิจารณาลงโทษผู้บริหารทั้ง 4 ราย แต่อย่างใด
|
|
|
|
|