|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
จอห์นสันฯ ชูยุทธศาสตร์ อัดนวัตกรรมบูมตลาดของใช้ส่วนบุคคลวูบ ตลาดน้ำยาบ้วนปากมูลค่า 1,400 ล้านบาท โตพรวด เท 150 ล้านบาท เปิดตัวลิสเตอรีน โทเทิลแคร์ ลุยเซกเมนต์พรีเมียม คาดสิ้นปีรั้งบัลลังก์กวาดแชร์เพิ่มจาก 70% เป็น 75%
นางสาวประมวลศรี คงยิ่งยง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คอนซูเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน เปิดเผยว่า ปีนี้แนวโน้มตลาดของใช้ส่วนบุคคลมีการเติบโตลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยในแง่มูลค่าปีนี้โต 4% จากปีที่ผ่านมาโต 6% (การเติบโตมาจากสินค้าขึ้นราคา) ส่วนในเชิงปริมาณโต 1% จากปีที่ผ่านมาโต 2% ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการใช้สินค้าที่ลดลง
ทั้งนี้น้ำยาบ้วนกลับเป็นสินค้าที่เติบโตมากที่สุดในกลุ่มของใช้ส่วนบุคคล โดยปีที่ผ่านมาเติบโต 18% จากมูลค่า 1,400 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้เติบโต 18% ซึ่งปีที่ผ่านมาอัตราการใช้ในครัวเรือนเพิ่มจาก 38% เป็น 51% ดังนั้นตลาดยังมีการเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากอัตราการใช้ต่อครัวเรือนยังไม่ครบ 100% ขณะที่ตลาดแชมพู แปรงสีฟัน และยาสีฟัน มีการเติบโตลดลง
กลยุทธ์การทำตลาดท่ามกลางภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ บริษัทมุ่งนำเสนอนวัตกรรมใหม่กระตุ้นตลาด ทำโฆษณาประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรม เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยหันมาซื้อสินค้าขนาดใหญ่ขึ้นใช้ได้ทั้งครอบครัวหรือซื้อสินค้าขนาดเล็ก เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น
ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 150 ล้านบาท เปิดตัวน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน โทเทิลแคร์ เพื่อสร้างน้ำยาบ้วนปากเซกเมนต์พรีเมียม วางกาคาสูงกว่าปรกติ 10-15% ขนาด 750 กรัม ราคา 179 บาท เป็นต้น โดยเป็นการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ครั้งแรกในรอบ 3 ปี
จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกในปีนี้ตั้งเป้าลิสเตอรีน มีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 70% เป็น 75% คาดว่าสูตรใหม่โทเทิลแคร์มีส่วนแบ่ง 5% ขณะที่คอลเกตมีส่วนแบ่ง 10.7% ซิมเท็มมา 8.2% มายบาซิน 5.9%
สำหรับผลประกอบการของบริษัทไตรมาสแรกเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนหนึ่งเพราะแคธิกอรี่ที่บริษัททำตลาดไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ อาทิ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน น้ำยาบ้วนปากกลิสเตอรีน ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวนูโทรจีน่า เป็นต้น
|
|
|
|
|