Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน23 มีนาคม 2552
RMFเม็ดเงินนิ่ง 2เดือนเพิ่ม83ล. บลจ.เชียร์ลงทุน             
 


   
search resources

สมจินต์ ศรไพศาล
Investment




เม็ดเงินกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟคลานเป็นเต่า แม้มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง พบ 2 เดือนแรกปี 52 เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อน 83 ล้านบาท ขณะที่ในช่วงครึ่งเดือนมีนาคมยอดเงินกลับลดลง 26 ล้านบาท เหตุนักลงทุนที่ครบกำหนดทยอยไถ่ถอนรับเงินก้อน มากกว่าปริมาณซื้อหน่วยลงทุน ผู้จัดการกองทุนยอมรับต้องเร่งประชาสัมพันธ์ประโยชน์จากการลงทุนมากขึ้น เพื่อดึงนักลงทุนรายใหม่เข้ามาช่วยขยายฐาน "สมจินต์"ชี้ปีนี้ถือเป็นปีทองแห่งสำหรับลงทุน

สมาคมบริษัทจัดการลงทุน(สมาคมบลจ.) รายงานถึงมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(เอ็นเอวี )ของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) โดยพบว่ามูลค่าเอ็นเอวี ณ วันที่ 13 มีนาคม 2552 อยู่ที่ 39,586,105,716.04 บาท ซึ่งปรับตัวลดลง 26,807,092.57 บาท จากสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ที่มี 39,612,912,808.61บาท แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2551 ที่ มี 39,529,614,703.11 บาท เป็นจำนวน 56,491,012.93 บาท

ขณะเดียวกัน เมื่อนำมูลค่าเอ็นเอวี ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2552 มาเปรียบเทียบกับเม็ดเงิน ณ สิ้นปีที่ผ่านมา พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 83,298,105.50 บาท จากจำนวนกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟทั้งหมด 80 กองทุนด้วยกัน

นายธวัชชัย เหลืองสุรรังษี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สมาคมบลจ. กล่าวถึง มูลค่าเอ็นเอวีของกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่าเม็ดเงินดังกล่าวไม่มีการขยับตัวมากนัก โดยมีสาเหตุมาจากการครบกำหนดอายุโครงการของกองทุน นั่นคือ 5 ปีปฏิทิน อีกทั้ง ในปีที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขกฎเกณฑ์ของกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟใหม่ คือ ให้นักลงทุนมีการขายคืนหน่วยลงทุนได้ ก็ต่อเมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี และต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งที่ผ่านมามีนักลงทุนทั้งไถ่ถอนหน่วยลงทุนคืนออกบ้างและมีนักลงทุนบางรายได้กลับเข้ามาลงทุนใหม่อีกครั้ง

ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟ เป็นกองทุนรวมที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าต้องลงในสินทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยมีนโยบายลงทุนทั้งแบบเน้นการลงทุนในหุ้น เน้นการลงทุนในตราสารหนี้ หรือลงทุนในแบบผสมตามความต้องการของนักลงทุน โดยที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ส่งผลให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน จึงส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินของกองทุนดังกล่าว

สำหรับเม็ดเงินที่เพิ่้มเข้ามา มองว่าเป็นเม็ดเงินที่มาจากการทยอยเข้าลงทุนของพนักงาน โดยนักลงทุนกลุ่มนี้ได้ลงทุนมาจากการหักเงินออกจากบัญชีเงินฝากทุกสิ้นเดือน เพื่อเป็นเงินออมไว้ใช้ยามเกษียณ อย่างไรก็ตามเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟ จะมีเข้ามาอีกครั้งในช่วงกลางปี เพราะนักลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี โดยที่ผ่านมาพบว่ามีเม็ดเงินไหลออกจากกองทุนประเภทนี้มากกว่าไหลเข้า เพราะเวลาที่นักลงทุนจะเข้ามาลงทุนจะทยอยลงทุนเรื่อยๆ แต่เวลาไถ่ถอนคืนนักลงทุนจะได้รับเงินก้อนกลับไป
"การเติบโตของกองทุนรวมเพื่อเลี้ยงชีพนั้น ในปีนี้คาดว่าจะทรงตัว จนกว่าจะมีนักลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน การที่นักลงทุนรายเก่าที่หน่วยลงทุนครบอายุโครงการแล้วกลับเข้ามาลงทุนนั้น ไม่ได้ทำให้กองทุนมีการเติบโตมากนักเพราะเป็นเม็ดเงินก้อนเดิม ทั้งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องมีการประชาสัมพันธ์ ให้นักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจการลงทุนผ่านกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของนักลงทุนที่มีฐานรายได้สูง เพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของการออมและการเข้ามาลงทุนในกองทุนชนิดนี้ ซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการลดหย่อนภาษีสำหรับนักลงทุนกลุ่มนี้ด้วย"นายธวัชชัยกล่าว

ด้านนายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า การเติบโตของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพนั้นจะเป็นมีการเติบโตต่อไปได้เรื่อยๆ โดยจากปีที่ผ่านมาปัญหาทางเศรษฐกิจอาจจะทำให้มูลค่าของกองทุนลดลงไปบ้าง ซึ่งเป็นไปตามตลาดทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบนอกจากนี้หากกองทุนจะมีการเติบโตน่าจะมาจากการมีนักลงทุนรายใหม่เข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตามการลงทุนในกองทุนดังกล่าวในปีนี้ ตลาดการลงทุนค่อนข้างที่จะเอื้ออำนวยต่อกองทุนมากกว่าในปีก่อนๆ ทั้งนี้โดยหลักการของกองทุนรวมอาร์เอ็มเอฟ ถือเป็นหลักการที่ดีสำหรับนักลงทุน แต่ไม่ใช่ว่าการลงทุนชนิดนี้จะไม่มีความผันผวนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งการลงทุนในกองทุนชนิดนี้ถือเป็นการลงทุนในระยะยาวดังนั้นนักลงทุนที่สนใจลงทุนจะต้องดูถึงผลตอบแทนของกองทุนว่าให้ผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อได้หรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน นอกจากนี้ จากปีที่ผ่านมาการลงทุนในกองทุนดังกล่าวทำให้นักลงทุนประสบกับภาวะขาดทุน แต่นักลงทุนก็มีความเข้าใจว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ดังนั้นหากไม่มีกองทุนประเภทนี้ นักลงทุนเองก็จะไม่มีเงินออมเพื่อใช้ในยามเกษียณอายุ รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีอีกด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us