โจตันเผยตลาดสีทาอาคารปีนี้หดตัว 5% คาดฟื้นตัวครึ่งปีหลัง งัดกลยุทธ์เสริมความแกร่งเพิ่มทีมขายหวังเพิ่มยอดขาย รักษามาร์เก็ตแชร์ หันรุกตลาดสีอุตสาหกรรมแทน เปิดตัว “โจตาการ์ด 82” ปรับสูตรใหม่ ปริมาณเนื้อสีสูง ปลอดน้ำมันดิน

ภาคการลงทุนของทุกอุตสาหกรรมที่หดตัวตามภาวะความเชื่อมั่น ทำให้สีโจตันคาดการณ์ว่า ตลาดสีทาอาคารปีนี้น่าจะหดตัวถึง 20% จากมูลค่าตลาด 11,000 ล้านบาทในปี 2551 ปีนี้น่าจะเหลือ 10,000-10,500 ล้านบาทเท่านั้น จากปี 2551 ที่หดตัวลง 10% แม้จะไม่ตกต่ำเท่าช่วงวิกฤตปี 2540 แต่ก็ทำให้ผู้ผลิตสีจากนอร์เวย์รายนี้ต้องเร่งปรับกลยุทธ์ พร้อมรับมือการแข่งขันที่จะยิ่งรุนแรงขึ้นในปีนี้ หลังจากหลายโครงการมีการชะลอการลงทุน ทำให้ยอดสั่งซื้อสีลดลง 10%

จากการเปรียบเทียบภาพรวมตลาดสีในแต่ละประเทศ อีริค มัลเลส กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจตันไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดสีทาอาคารในไทยถือว่าตกต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน แต่น่าจะกลับมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้ยอดขายของบริษัทฯ เติบโตในครึ่งปีหลังด้วย คาดว่ายอดขายทั้งปีน่าจะเติบโตประมาณ 5-10% แม้จะมีวิกฤตเศรษฐกิจกระทบตลาดสีทาอาคาร แต่โจตันยังมียอดขายอีกครึ่งหนึ่งจากกลุ่มสีเรือและสีอุตสาหกรรม แม้ตลาดดังกล่าวจะหดตัวลงเช่นกันประมาณ 10% แต่ยังมีดีมานด์การใช้สีอยู่ต่อเนื่อง เพราะโรงงานต้องมีการบำรุงรักษาเครื่องจักรตามระยะเวลาที่กำหนด เรือต้องมีการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพดีตามที่กฎหมายบังคับ ในขณะที่กลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ก็ยังมีการลงทุนก่อสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมันอย่างต่อเนื่้อง

ล่าสุดโจตันยกเลิกการผลิตสีอุตสาหกรรมที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน และเปิดตัว “โจตาการ์ด 82” สีทาเรือและทากันสนิมเหล็ก ปลอดส่วนผสมน้ำมันดิน กลิ่นไม่ฉุน ไม่เป็นพิษต่อผู้ใช้ออกมาทำตลาดแทน โดยมีปริมาณเนื้อสีสูงถึง 80% ทำให้ทาได้พื้นที่มากกว่า สามารถทาทับชั้นต่อไปได้นานถึง 7 วัน ช่วยให้ประหยัดเวลาได้มากขึ้น ราคา 155-160 บาทต่อลิตร โดยสีกลุ่มดังกล่าวสร้างยอดขายต่อปีประมาณ 150 ล้านบาท

สำหรับการปรับตัวของโจตันในปีนี้นอกจากการทยอยเปิดตัวสีรุ่นใหม่ มีแคมเปญการตลาดกับลูกค้า เพื่อรักษายอดขายแล้ว จะมีการเสริมความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มทีมการตลาดและทีมขายให้ครอบคลุม เพื่อเพิ่มยอดขาย โดยตั้งเป้ารักษามาร์เก็ตแชร์ให้ได้เท่าปีที่ผ่านมา หรือเติบโตเล็กน้อย 1-2% โดยที่ผ่านมามีมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มสีทาอาคาร 13% สีอุตสาหกรรม 27% สีเรือ 36%