เขยเจ้าสัว “เจริญ สิริวัฒนภักดี” รีแบรนดิ้ง “อาคเนย์ กรุ๊ป” เครือข่าย 3 กลุ่มธุรกิจการเงิน ดึงความได้เปรียบจาก เครือข่ายพนักงานในธุรกิจเครือ ทีซีซี ภายใต้ชายคาเดียวกับ “เบียร์ช้าง” และยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ร่วมกว่า 3.6 แสนราย ปฏิวัติธุรกิจในกลุ่ม “อาคเนย์” พลิกฟื้นตำนานมีชีวิต อาคเนย์ กรุ๊ป ให้กลับมายืนในแถวหน้า ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิตอีกครั้ง…

“ เรามีแผนจะมีการรีแบรนดิ้ง กลุ่มอาคเนย์ ทั้งประกันภัย ประกันชีวิต และธุรกิจลิสซิ่ง คาดจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อให้กลุ่มอาคเนย์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ต่อไปตัวแทนจะขายประกันให้กับลูกค้า ก็ไม่ต้องบอกว่า เราเป็นใครอีกต่อไปแล้ว”

โชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานคณะบริหารจัดการ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงินกลุ่มอาคเนย์ กรุ๊ป ประกอบด้วย อาคเนย์ประกันภัย อาคเนย์ประกันชีวิต และอาคเนย์ แคปปิตอล ยอมรับว่า ที่ผ่านมา ชื่อเสียงของอาคเนย์ฯยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ถึงแม้ว่า แบรนด์นี้จะมีอายุย่างเข้าเกือบครึ่งทศวรรษก็ตาม

นับตั้งแต่ การเข้าเทคโอเวอร์ กลุ่มอาคเนย์ทั้งยวง เมื่อหลายปีก่อน โดยกลุ่มทุนเบียร์ช้าง เป็นต้นมา กลุ่มอาคเนย์ก็เพิ่งจะเคลื่อนไหวตัวเองอย่างมีนัยสำคัญ ก็ในยุค ที่มีการส่งตัว ลูกเขย ของเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี หรือ โชติพัฒน์ เข้ามาสอดส่อง ดูแล ธุรกิจในกลุ่มการเงิน ที่กำลังเติบโต และจะเป็นกำลังสำคัญของเครือ ทีซีซี มากขึ้นตามลำดับ

คาดหมายกันถึงขนาดจะขยับฐานะของอาคเนย์ฯ แบรนด์ที่เคยยืนหยัดอยู่ระดับต้นๆ ในอุตสาหกรรมประกันภัย ยุคอดีตให้ฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังการรีแบรนดิ้ง ซึ่งใช้งบประมาณร่วม 65 ล้านบาท ที่จะเสร็จสิ้นในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อให้ทั้งอาคเนย์ประกันภัยและประกันชีวิต ขึ้นมายืนในลำดับ ท็อป เท็น หรืออันดับที่ 9 ภายในปีนี้

ในปีผ่านมา อาคเนย์ประกันชีวิต มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิต 49% อาคเนย์ประกันภัยมีอัตราการเติบโตเบี้ยประกันภัย 10.6% ขณะที่ อาคเนย์แคปปิตอล มีอัตราการเติบโต 13.5%

โชติพัฒน์ บอกถึงความได้เปรียบของอาคเนย์ กรุ๊ป ภายใต้ชายคากลุ่ม ทีซีซี กลุ่ม ซึ่งอยู่ในเครือเดียวกับ “เบียร์ช้าง” คือ มีพนักงานในเครือ มากกว่า 6 หมื่นราย ขณะเดียวกัน ก็มีคู่ค้า หรือ “ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว” ทำธุรกิจร่วมกับ ทีซีซี อยู่มากถึงกว่า 3 แสนราย

กลุ่มนี้เองที่จะนำมาต่อยอด และขยายฐานตลาดใหม่ๆให้กับอาคเนย์ กรุ๊ป ในอนาคต และที่ผ่านมาก็มีการพัฒนาช่องทางขายใหม่ โดยโฟกัสไปที่ฐานลูกค้าในเครือ “ทีซีซี” และ “คู่ค้า” เป็นการเฉพาะ

“ การรีแบรนด์ในปีนี้ จะทำให้เกิดผลกระทบ กับผู้คนทั่วไป จนสามารถวัดผลได้ ดังนั้น นอกจากช่องทางตัวแทนที่เรามีอยู่เดิม เราก็ต้องหันไปเพิ่มช่องทางขายอื่นๆให้มากขึ้นด้วย”

โชติพัฒน์ บอกว่า กลยุทธ์ ปีนี้ คือ ต้องขยายตลาดผ่านเครือทีซีซีให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องเปิดตัวให้กับลูกค้านอกเครือมากขึ้นด้วย โดยกลุ่มหลังจะเน้นเจาะตลาดรัฐวิสาหกิจที่มีความมั่นคงสูง เพราะมีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

“ ต่อไป ตัวแทนก็จะไปเดินตาม สยามสแควร์ เพราะเล็งไปที่เป้าหมายคือ เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีลงมา เพื่อจะดูว่า เขาจะรู้จักเราหรือเปล่า เพราะเรากำลังจะขยายตลาดเข้าไปในกลุ่มนี้มากขึ้น จากที่ผ่านมาอาคเนย์จะเป็นที่รู้จักเฉพาะกับคนรุ่นพ่อ เท่านั้น”

โชติพัฒน์ บอกว่า ต่อไปนี้ อาคเนย์ฯ จะเจาะเข้าไปในตลาดทุกเพศ ทุกวัย ทั้งในต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ เพื่อให้คนทั่วไปรู้จักมักคุ้น นอกจากนั้น การรีแบรนก็จะทำให้คนรู้จักอาคเนย์มากขึ้น ซึ่งก็จะช่วยในการทำตลาดให้กับตัวแทน โดยไม่ต้องมานั่งอธิบายว่าเป็นใคร จุดนี้จะทำให้การเสนอขายกรมธรรม์ทำได้ง่ายขึ้นด้วย

การเปิดตัวของอาคเนย์ในยุค “ติดเครื่องใหม่” โดย “ลูกเขย ตระกูลเบียร์ช้าง” จึงไม่ใช่จะมีแต่การพัฒนาช่องทางขายใหม่ๆเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาได้มีการขยายสาขาใหม่ๆลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมักจะเป็นพื้นที่ที่ถูกมองข้ามมาตลอด

มีการเริ่มต้นโครงการอู่ในดวงใจ พัฒนาอู่ เพื่อรองรับ ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ รวมทั้งจะเริ่มขยายพอร์ต กรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์แบบ 3 พลัสมากขึ้น พร้อมกับ โปรแกรม Anywhere Anytime ระบบที่จะนำมารองรับการเชื่อมโยงระหว่าง จุดเกิดเหตุ อู่ และร้านอะไหล่ ผ่านระบบออนไลน์

สำหรับกลุ่มทีซีซี นี่คือ กระบวนการเริ่มต้น ก่อนบุกตลาดประกันภัย ประกันชีวิต และธุรกิจลิสซิ่ง อย่างเป็นจริงเป็นจัง ในรอบหลายปี นับจากเข้าเทกโอเวอร์ และกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงรายเดียว

การปูทางให้กับกลุ่มธุรกิจประกันและการเงินอย่างเป็นระบบ จึงประมาทไม่ได้ สำหรับกลุ่มทุนที่ได้ชื่อว่า มีฐานะการเงินแข็งแกร่งที่สุด รายหนึ่งในประเทศ…