Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์23 มีนาคม 2552
โอสถฯโฮลดิ้ง รวมทีมสู้ศึกโฆษณา สปา-ฮาคู นำทัพ FMCG ชนเครือข่ายโลก             
 


   
search resources

สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง
Advertising and Public Relations




1 เมษายนนี้ วงการโฆษณาของประเทศไทยคงต้องจารึกประวัติศาสตร์ไว้อีกบท เมื่อ 2 เอเยนซียักษ์ใหญ่ที่มีจุดกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชีย สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง และไทย ฮาคูโฮโด มีการรวมตัวกัน ยกระดับขึ้นเป็นกลุ่มองค์กรด้านการสื่อสารการตลาด ต่อกรในโลกธุรกิจกับเครือข่ายจากฝั่งตะวันตก 4 กลุ่มใหญ่ ที่รวบรวมเอา แอดเวอร์ไทซิ่ง เอเยนซี, มีเดีย เอเยนซี, พีอาร์ เอเยนซี และหน่วยงานด้านการสื่อสารการตลาดอื่นๆ นับสิบ นับร้อยบริษัท เข้าร่วมอยู่ในแต่ละเครือข่าย

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมโฆษณาทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก แอดเวอร์ไทซิ่ง เอเยนซี ที่เคยเป็นศูนย์กลางของบริการด้านการวางแผนสื่อสารการตลาดครบวงจร มีการแตกหน่วยงานด้านต่างๆ ออกไปเป็นบริษัท รวมไปถึงหน่วยงานมีเดีย บายเออร์ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ในการสร้างรายได้ให้กับองค์กร แต่จุดที่พลิกผันวงการมากที่สุด คือการเกิดขึ้นของเครือข่ายเอเยนซีระดับโลกของ ออมนิคอม, ดับเบิลยูพีพี, ไอพีจี และปัปลิซิส

สำหรับเอเยนซีที่ได้เข้าไปอยู่ภายใต้เครือข่ายเหล่านี้ อาจมีความรู้สึกว่า สงครามในธุรกิจโฆษณาที่เริ่มหนักหนา นับแต่อาวุธสำคัญของตนคือ มีเดีย บายเออร์ หายไป กลายเป็นความนิ่งสงบภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ แต่สำหรับเอเยนซีอื่นๆ กลับกลายเป็นสภาพที่สาหัสขึ้นอีก หนึ่งในนั้นคือ สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง เอเยนซีพันธุ์ไทยแท้ ภายใต้เครือบริษัทโอสถสภา

สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง เติบโตจากหน่วยงานโฆษณาภายในโอสถสภา กลายเป็นบริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ ที่ยืนหยัดในการเป็นบริษัทไทยแท้ ท่ามกลางบริษัทโฆษณาต่างชาติ ปฏิเสธการร่วมทุนกับต่างชาติ เหมือนเช่นเส้นทางที่อีก 2 เอเยนซีสายเลือดไทยอย่าง ฟาร์อีสท์ และประกิต เลือกไป แต่สปาฯ ก็สามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่ง Top5 ของเอเยนซีที่ทำบิลลิ่งได้สูงสุด

ถึงวันนี้แม้บิลลิ่งของสปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จะยังคงอยู่ในระดับแนวหน้า แต่สภาพการแข่งขันที่เป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางคู่แข่งที่ล้วนเป็นเครือข่ายยักษ์ใหญ่ การรักษาลูกค้าเดิมไว้ ตลอดจนการหาลูกค้าใหม่ยากลำบากขึ้นทุกปี การสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ อย่างโนเกียไป ทั้งที่สปาฯ เป็นส่วนสำคัญในการส่งให้โนเกียครองความเป็นเจ้าในตลาดโทรศัพท์มือถืออย่างยาวนานเมื่อ 2 ปีก่อน จนวันนี้ก็ยังไม่สามารถหาลูกค้าใหม่มาทดแทนบิลลิ่งของโนเกียที่หายไปได้ ทำให้การจับมือกันระหว่างสปาฯ กับเอเยนซีที่อยู่นอกเครือข่ายจากฟากตะวันตก อย่าง ฮาคูโฮโด เกิดขึ้น

รวมเอเยนซีในเครือโอสถสภา ส่งเครือข่าย FMCG ลงสนาม

แนวคิดในการร่วมธุรกิจกับเอเยนซีต่างชาติของสปา แอดเวอร์ไทซิ่ง เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน แต่ กิตติ ชัมพุนท์พงศ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ฟิวเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด (FMCG) และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สปา แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ที่กำลังจะกลายสภาพเป็น สปา-ฮาคูโฮโด แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ตั้งเงื่อนไขไว้ว่า ทางฝั่งสปาฯ ต้องเป็น Majority หรือผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เท่านั้น จึงใช้เวลาพูดคุยเป็นเวลานานกว่า 3 ปี เลือกคุยทั้งเอเยนซีจากฝั่งตะวันตก และเอเยนซีในทวีปเอเชียด้วยกัน ก่อนจะลงเอยกับเอเยนซี อันดับ 2 จากประเทศญี่ปุ่น กลุ่มบริษัทฮาคูโฮโด

แต่แท้จริงแล้ว กลุ่มฮาคูโฮโด ไม่ใช่คนอื่นไกล เพราะในประเทศไทยการเข้ามาของไทย ฮาคูโฮโด เมื่อ 36 ปีก่อน รวมถึงฮาคูโฮโด แบงค็อก มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือตระกูลโอสถานุเคราะห์ เจ้าของสปา แอดเวอร์ไทซิ่ง ดังนั้น ดิวการร่วมทีมกันภายใต้เงื่อนไขของกิตติ จึงเกิดขึ้นภายใต้ชื่อองค์กรใหม่ สปา-ฮาคูโฮโด แอดเวอร์ไทซิ่ง ถือหุ้นโดยฟิวเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์ กรุ๊ป (FMCG) บริษัทโฮลดิ้งด้าน Marketing Communications ในเครือบริษัท โอสถสภา โฮลดิ้ง จำกัด 74.9% และบริษัท ฮาคูโฮโด เอเชียแปซิฟิค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการสาขา หรือบริษัทในเครือฮาคูโฮโด นอกประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้น 25.1%

เมื่อรวมเอาฮาคูโฮโด เข้ามาอยู่ภายใต้เครือข่ายเดียวกัน ทำให้วันนี้ FMCG กลายเป็นเครือข่ายสื่อสารการตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย มีธุรกิจหลักอยู่ 6 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) Advertising Agency ที่มี สปา-ฮาคูโฮโด มีบิลลิ่งรวมกันเกือบ 2,000 ล้านบาท, เดลฟิส ฮาคูโฮโด ครีเอทีฟเอเยนซี ที่มีลูกค้ารายใหญ่อย่าง โตโยต้า อยู่ในมือ และเมียนมาร์ สปา ทูเดย์ ฟาร์อีสท์ บริษัทโฆษณาอันดับ 1 ในประเทศพม่า 2) Production House บริษัทเอ็กซ์ตร้า เฟรม และไวลด์ แอท ฮาร์ด 3) Media Agency มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ 4) Media Brokerageไทม์ บรอดคาสซ์ และอนันดา มีเดีย 5) Marketing Research ฟอร์ไซท์ รีเสิร์ช และ 6) Graphic Design เซ็นทริส ดีไซน์ นอกจากนี้ในส่วนของ ฮาคูโฮโด แบงค็อก ซึ่งแม้จะเป็นบริษัทที่อยู่ภายนอกกลุ่ม แต่ก็ถือหุ้นใหญ่โดยตระกูลโอสถานุเคราะห์เช่นกัน ก็จะทำหน้าที่ดูแลงานโฆษณาของลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่น

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฟิวเจอร์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์ กรุ๊ป กล่าวว่า การร่วมมือกันระหว่างสปาฯ และฮาคูโฮโดในครั้งนี้ถือเป็น Hybrid Power Consolidation ผสมผสานพลังในการรวมกันของบริษัทโฆษณาทั้ง 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจด้านการสื่อสารการตลาด การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ อย่างครบวงจร

ขณะที่ โคจิ เอกาชิร่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮาคูโฮโด เอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า ถือเป็นการรวมจุดเด่นและจุดแข็งของเอเยนซีไทย และเอเยนซีญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน การนำองค์กรโดยผู้บริหารมืออาชีพทั้งคนไทย และคนญี่ปุ่นจะเป็นการพัฒนาบุคลากร นำประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นมาใช้ในการบริหารงานและการให้บริการลูกค้าในด้านการสื่อสารการตลาด และโฆษณาให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่กับการเติบโตทางการตลาดของสินค้าและแบรนด์ของลูกค้า ทั้งลูกค้าไทย ญี่ปุ่น และต่างชาติ ซึ่งทางฮาคูโฮโด ก็หวังที่จะใช้ประโยชน์จากความรู้ ความเข้าใจ และความรู้จักคนไทย ตลาดในเมืองไทยของสปาฯ เป็นอย่างดี ในการพัฒนาคุณภาพงานเช่นกัน

“เราเอาความแข็งของทั้งไทยและญี่ปุ่นมาผสมกัน อนาคตส่วนผสมทั้งบุคลากรในองค์กร ทั้งลูกค้า จะทำให้เครือข่ายของเราใหญ่มากขึ้น คนเก่งขึ้นจากการผสมผสานวัฒนธรรมที่ดีของทั้ง 2 ประเทศ ทำให้เรามีศักยภาพในการแข่งขันกับเอเยนซีกรุ๊ปอื่นๆ ได้ดีขึ้นกว่าเดิม วันนี้เราเป็นเครือข่ายอันดับ 3 มีบิลลิ่งอยู่ใน Top5 แต่ศักยภาพขององค์กรที่จะมีเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นมูลค่าที่มากที่สุด” กิตติ กล่าว

กิตติ กล่าวต่อว่า แม้แผนการหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่ดำเนินมาถึง 3 ปี มาถึงจุดบรรลุในเวลานี้ซึ่งเป็นเวลาที่สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกประสบปัญหา ทำให้บริษัทต้องมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้ ตนกลับเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากลูกค้าต้องการหาพาร์ตเนอร์เป็นคู่คิดในการพาธุรกิจฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ไปให้ได้ เมื่อสปาฯ กลายเป็นสปา-ฮาคูโฮโดฯ มีบริการใหม่ สามารถสร้างโซลูชั่นใหม่ๆ ในการช่วยลูกค้าต่อสู้กับเศรษฐกิจ เปรียบเสมือนลูกค้าได้ Better Agency

ส่วนกรณีการทับซ้อนของลูกค้าที่ทั้ง 2 เอเยนซีถืออยู่ โดยเฉพาะโตชิบา ของสปาฯ กับพานาโซนิค ของฮาคูโฮโด และยามาฮ่า ของสปาฯ กับซูซูกิ ของฮาคูโฮโด จะมีการเข้าพูดคุยกับลูกค้าเหล่านี้ เพื่อทำความเข้าใจถึงการร่วมธุรกิจของสปา และฮาคูโฮโด ที่จะสร้างผลดีมากกว่าผลเสีย

กิตติ กล่าวว่า แม้วันนี้ FMCG จะสามารถขับเคลื่อนเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจกับเครือข่ายอื่นๆ แต่ก็ยังมีธุรกิจสื่อสารการตลาดในบางยูนิต ที่ยังไม่มีในเครือข่าย FMCG อาทิ ประชาสัมพันธ์, ดิจิตอล ที่ก็ยังมีการมองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมงาน

กิตติตั้งเป้าหมายว่า การรวมพลังกันระหว่าง 2 เอเยนซียักษ์ใหญ่จาก 2 ประเทศนี้ ภายใต้เครือข่าย FMCG นี้จะทำให้สปา-ฮาคูโฮโด แอดเวอร์ไทซิ่ง สามารถเติบโตขึ้นได้ราว 10% สวนกระแสธุรกิจโฆษณาที่คงมีการเติบโตติดลบในปีนี้ แต่เป้าหมายที่สำคัญ คือการกลับมายืนอยู่บนเส้นทางการแข่งขันบนสมรภูมิธุรกิจโฆษณาของสปาฯ อีกครั้ง และสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งเงินบิลลิ่ง และกล่องรางวัลบนเวทีประกวด ที่หลายปีมานี้ ชื่อสปา แอดเวอร์ไทซิ่ง แทบไม่เคยถูกเชิญขึ้นรับรางวัลจากเวทีใหญ่เลย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us