ภ า พ ร ว ม
อีริคสันแห่งสวีเดนเร่งมือไล่กวดคู่แข่งอย่างโนเกีย และโมโตโรล่าในตลาดโทรศัพท์มือถือ
โดยแม้จะเป็นรองในแง่ยอดขายอุปกรณ์โทรศัพท์ แต่ยังเป็นหนึ่งในตลาดโครงสร้างพื้นฐาน
ที่รองรับโทรศัพท์ไร้สาย สินค้าหลักของอีริคสัน ทางด้านการให้บริการด้านโทรคมนาคมทำยอดขายให้บริษัทคิดเป็นสัดส่วนถึง
70% ของยอดขายรวม นอกจากนั้น อีริคสันยังเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่าย และระบบโทรคมนาคม
โมเด็ม ชิ้นส่วนประกอบ เคเบิล และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการทหาร รวมทั้งเรดาร์
และระบบสื่อสารด้วย
เคิร์ต เฮลสตรอม กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท กำลังเร่งผลักดันกิจการอีริคสันให้พ้นจากความตกต่ำ
ผลกำไรบริษัทลดลงเนื่องจากยอดขายอุปกรณ์โทรศัพท์รุ่นใหม่เป็นไปอย่างเชื่องช้า
และตลาดโทรศัพท์แบบมีสายก็ซบเซา วิธีการของเขาก็คือ ลดต้นทุน ตัด คนงานส่วนเกิน และเข็นโทรศัพท์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด
เฮลสตรอมมีเป้าหมายระยะยาว ที่จะแซงหน้า โมโตโรล่าขึ้นเป็นที่ 2 ในตลาดอุปกรณ์โทรศัพท์ไร้สาย
แต่ขณะนี้บริษัทมุ่งเน้น ที่จะผนวกความแข็งแกร่งในด้านเครือข่าย และการสื่อสารไร้สายขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเทคโนโลยีสื่อสารรุ่นที่สาม
(3G) โดยตั้งความหวังกับ "บลูทูธ" (Bluetooth) ที่บริษัทกำลังจัดตั้งเป็นบริษัท
เพื่อขายไลเซนส์สิทธิบัตรต่อไป นอกจากนั้น อีริคสัน ยังเน้นเป็นพิเศษทางด้านบริการ และซอฟต์แวร์การค้าแบบไร้สาย
โดยทั้งพัฒนาด้วยตนเอง และร่วมมือกับบริษัทอื่น เช่น วีซ่า และไมโครซอฟท์
ค ว า ม เ ป็ น ม า
ลารส์ แม็กนุส อีริคสัน เปิดร้านซ่อมโทรเลขใน สตอกโฮล์ม เมื่อปี 1876 อันเป็นปีเดียวกับ ที่อเล็กซานเดอร์
เกรแฮมเบล จดสิทธิบัตรโทรศัพท์ในสหรัฐฯ หลังจากนั้น สองปีอีริคสันก็ผลิตโทรศัพท์ และบริษัทของเขาก็เติบโตอย่างรวดเร็ว
เป็นผู้ซัปพลายอุปกรณ์รายแรกให้กับบริษัทโทรศัพท์แห่งสวีเดน และขยายสู่ประเทศในยุโรปในเวลาต่อมา
ปี 1885 อีริคสันผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์ ที่มีเครื่องรับ และพูดโต้ตอบอยู่ในเครื่องเดียวกันได้สำเร็จ
ปี 1911 อีริคสัน และเอสเอที ซึ่งเป็นบริษัทโทรศัพท์แห่ง สตอกโฮล์มผนวกกิจการร่วมกันภายใต้ชื่อ
อีริคสัน และนำมาใช้เป็นชื่อบริษัทในปี 1926 แต่ต่อมาอีกสี่ปีกิจการได้เปลี่ยนมือไปเป็นของนักการเงินชื่อ
อิวาร์ ครูเกอร์ เจ้าของกิจการผลิตไม้ขีดไฟแห่งสวีเดน แต่ครูเกอร์ ฆ่าตัวตายในปี
1932 ทิ้งให้เจ้าหนี้รายหนึ่งคือ ไอทีที เข้ารับช่วงกิจการแทน
ปี 1960 ไอทีทีขายกิจการอีริคสันให้กับครอบครัวนักอุตสาหกรรมแห่งสวีเดนคือ
ตระกูลวอลเลนเบอร์กส์ จนปี 1975 บริษัทก็ได้เปิดตัวระบบแปลงสัญญาณควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ชื่อ
AXE และประสบความสำเร็จทำให้เริ่มแตกแขนงกิจการเข้าสู่ด้านคอมพิวเตอร์ และเฟอร์นิเจอร์สำนักงานในช่วงต้นทศวรรษ
1980
ต่อมาเมื่อปริมาณความต้องการระบบอัตโนมัติในสำนักงานลดลง และกำไรบริษัทก็ลดตาม
ฮันส์ เวอร์เธน ประธานกรรมการของอีเลคโทรลักซ์จึงได้รับการว่าจ้างให้เข้ามาฟื้นฟูอีริคสัน
โดยยังรั้งตำแหน่ง ที่อีเลคโทรลักซ์ไว้ด้วย เวอร์เธนตัดสินใจขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ออกไปให้กับโนเกียในปี
1988 และกลับไปเน้น ที่อุปกรณ์โทรศัพท์ จากนั้น ปัดฝุ่นระบบ AXE เพื่อใช้กับตลาดโทรศัพท์มือถือจนในที่สุดก็ได้สัมปทานสำคัญๆ
หลายรายการ
นอกจากนั้น อีริคสันยังผนวกกิจการด้านอิเล็ก ทรอนิกส์การบินทางทหารกับซาบเป็น
"อีริคสัน ซาบ เอวิโอนิกส์" (Ericsson Saab Avionics) ในปี 1996 (แต่ล้มละลายในสองปีต่อมา)
ปี 1998 สเวน-คริสเตอร์ นิลสัน ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
เขาประกาศแผนปรับโครงสร้างโดยปลดคนงาน 14,000 คน
หลังจาก ที่อีริคสันต่อสู้อย่างหนักหน่วงกับ Qualcomm ในเรื่องมาตรฐานโทรศัพท์ไร้สาย และ
สิทธิบัตร ในปี 1999 ก็ตกลงกันได้โดยอีริคสันเซ็นสัญญาร่วมกัน และตกลง ที่จะผลักดันเทคโนโลยี
รุ่นที่ 3 ที่เป็นมาตรฐานโดยอาศัยเทคโนโลยีแบบเข้าถึงได้หลายทางของ Qualcomm
โดยในข้อตกลงดังกล่าวนี้ อีริคสันจะซื้อธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานของ Qualcomm
ด้วย ส่วน ด้านการขยายบริการอินเทอร์เน็ต อีริคสันได้ซื้อผู้จัดทำเส้นทางสัญญาณอินเทอร์เน็ตสองแห่ง
คือ "ทอเรนต์ เน็ตเวิร์คกิ้ง เทคโนโลยีส์" (Torrent Networking Technologies)
และ "ทัชเวฟ" (Touch Wave) ต่อมาอีริคสันยังตั้งบริษัทใหม่ เพื่อพัฒนาบริการ และซอฟต์แวร์อี-คอมเมิร์ซไร้สาย
และยังร่วมกับไมโครซอฟท์พัฒนาแอพพลิเคชั่นส์สำหรับอินเทอร์เน็ตในอุปกรณ์ไร้สายด้วย
กลางปี 1999 นิลสันถูกปลดเนื่องจากดำเนินแผนการปรับโครงสร้างล่าช้า ลาร์ส
แรมควิสต์ ประธานกรรมการเข้ารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน ภาระหนักจึงตกไปอยู่ ที่
เคิร์ต เฮลสตรอม ซึ่งดำเนินการปรับโครงสร้างการบริหาร และระบบบัญชีให้เรียบง่ายขึ้น
และสานต่อนโยบายปลดพนักงาน และเลิกกิจการที่มี อัตราเติบโตต่ำ
ปี 2000 บริษัทปรับปรุงกิจการอีกโดยขายธุรกิจ ที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจหลักออกไป
อีริคสันยังร่วมมือกับโนเกีย และโมโตโรล่าพัฒนามาตรฐานสำหรับป้องกันการซื้อขายทางการสื่อสารไร้สาย
และมีแผนที่จะขายไลเซนส์มาตรฐานเครือข่ายไร้สาย "บลูทูธ" (Bluetooth) และประกาศจะร่วมทุนกับผู้จัดทำเส้นทางสัญญาณ
อินเทอร์เน็ตในเครือข่าย "จูนิเปอร์" เมื่อขายเส้นทางสัญญาณอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ด้วย