Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 มีนาคม 2552
ตลาดหุ้นเล็งหั่นเป้าบจ.ใหม่ พร้อมลดวอลุ่มเฉลี่ยหลังตลาดหุ้นซบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ภัทรียา เบญจพลชัย
Stock Exchange




ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับลดเป้าหมายบริษัทจะทะเบียนใหม่ปี 52 หลังจบไตรมาส1/52 จากเป้าหมายเดิม 46 บริษัท แบ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์ 22 แห่ง และเอ็มเอไอ 24 แห่ง ระบุสาเหตุเกิดจากมูลค่าการซื้อขายตลาดหุ้นซบเซา ด้านผู้บริหาร “ภัทรียา” ยังหวังเป้าเอ็มเอไอไม่พลาดเป้า พร้อมทบทวนเป้ามูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใหม่ จากก.พ. 52 มูลค่าเฉลี่ยลดวูบเหลือแค่วันละ 8 พันล้านบาท แนะนักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นจ่ายปันผลดี

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังคงได้รับผลต่อเนื่องจากวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ที่บานปลายและขยายวงกว้างกระทบออกไปสู่ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และยังไม่มีวี่แววที่จะทุเลาเบาบางลง แม้ว่าทางการของหลายๆ ประเทศพยายามเร่งรัดและนำมาตรการต่างๆ มาใช้เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ดังกล่าว จากวิกฤตการเงินและภาวะเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ตกอยู่ในภาวะที่ซบเซาต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนที่จะทบทวนลดเป้าหมายของบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในช่วงสิ้นไตรมาส1/52 จากเป้าหมายดิมที่คาดจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนจำนวน 46 บริษัท เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายปรับตัวลดลงทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่เอื้อในการเสนอขายหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น คงไม่เป็นไปตามเป้าที่จะมีจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ 22 บริษัท แต่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) 24 บริษัท คาดว่าเป็นไปตามเป้าจากบริษัทขนาดเล็กมีช่องทางระดมทุนน้อยจากที่ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยกู้ที่ยากขึ้น จึงทำให้ต้องเข้ามาระดมทุน

“บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้นโยบายที่ทุกๆ 3 เดือนจะมีการทบทวนเป้าหมายการดำเนินงานต่าง ๆ ซึ่งสิ้นไตรมาส 1/52 นั้น จะมีการหารือทบทวนเป้าหมายบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเอ็มเอไอ ซึ่งบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจจะยากหน่อยที่จะได้ตามเป้าหมาย แต่ตลาดเอ็มเอไอน่าจะทำได้”

นางภัทรียา กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้เป้าหมายบริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะไม่เป็นไปตามเป้าที่กำหนดไว้ แต่คาดว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนไม่ต่ำกว่าปี 2551 ที่ผ่านมา ที่มีบริษัทเข้าจดทะเบียนรวม 11 บริษัท เนื่องจากมีบริษัทที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีก 10 บริษัท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทเข้าจดทะเบียนแล้วจำนวน 3 บริษัท และจะเข้าจดทะเบียนอีก 1 บริษัทในเดือนนั้น รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนในปีนี้นั้น ถือว่าเป็นแรงจูงใจหนึ่งที่จะทำให้บริษัทเข้ามา

สำหรับตลาดหลักทรัพย์ฯ จะพยายามผลักดันให้เกิดระบบการการรับหลักทรัพย์แบบการเปิดเผยข้อมูล (disclosurebased) ซึ่งเป็นการลดระยะเวลาในการเข้าจดทะเบียนทำได้เร็วขึ้น แต่ทางที่ปรึกษาทางการเงินนั้นถือว่าจะมีบทบาทและหน้าที่สำคัญในการทำหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูลให้กับนักลงทุนทราบข้อมูลต่างรวมถึงความเสี่ยง

นางภัทรียา กล่าวว่า นอกจากจะมีการทบทวนบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนแล้ว จะมีการทบทวนมูลค่าการซื้อขายปีนี้ด้วย เนื่องจากในช่วงเดือนม.ค.วอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเหลือ 1 หมื่นล้านบาท เดือนก.พ.เหลือ 8 พันล้านบาท ซึ่งต้องยอดมรับว่าขณะนี้สภาพคล่องการซื้อขายนั้นปรับตัวลดลง จากนักลงทุนรอความชัดเจน ภาวะเศรษฐกิจโลก ปัญหาสถาบันเงินต่างประเทศ โดยภาวะที่เกิดขึ้นนั้นก็เข้าใจว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเป็นปัจจัยต่างประเทศ

ทั้งนี้ เชื่อว่าหากในช่วงครึ่งปีเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นและมีการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินต่างประเทศดีขึ้นเชื่อว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้น แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นนิวยอร์กมีการปรับตัวดีขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี แต่นักวิเคราะห์ต่างๆก็ยังขอรอดูความชัดเจนก่อนยังไม่มีการปรับประมาณการอย่างไร

สำหรับนักลงทุนนั้นควรที่จะมีการเลือกลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการรวบรวมข้อมูลการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนนั้นถือว่ามีการจ่ายเงินปันผลที่สูงถึง 6.6% ซึ่งควรเลือกลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตดี และทางบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ได้มีการออกกองทุนอ้างอิงกับบริษัทจดทะเบียนที่มีการจ่ายเงินปันผลที่สูง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะจูงใจและสนับสนุนให้เอกชนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าธรรมเนียม การสร้างแรงจูงใจต่างๆ และล่าสุดกำลังพิจารณาทบทวนปรับลดการจัดสรรหุ้นที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ของบริษัทขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 300-500 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สะดวกยิ่งขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us