Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน18 มีนาคม 2552
ยูโรเปี้ยนฟู้ดลดงบทีวีสู้พิษศก. งัดสัมปทานเขตดันรายได้หลัก             
 


   
search resources

Snack and Bakery
ยูโรเปี้ยนฟู้ด, บมจ.




“ยูโรเปี้ยนฟู้ด” ปรับกลยุทธ์ ลดต้นทุนสู้พิษเศรษฐกิจ เปิดระบบสัมปทานศูนย์จัดจำหน่ายทั่วประเทศ ปูพรมแล้ว 31 แห่ง ดันเป็นช่องทางพระเอกรายได้หลักสัดส่วน 40% ในอีก 5 ปี พร้อมโยกงบสู่สื่อใหม่ๆและบีโลว์เดอะไลน์มากขึ้น จากเดิมยึดติดสื่อทีวี เจียมตัวปีนี้ขอโตแค่ 5% ต่ำสุดรอบ 10 ปี

นายสมชาติ สุรจิตติพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายขนม ลูกอม เวเฟอร์ เลเยอร์เค้ก ของไทย กล่าวว่า บริษัทฯได้เริ่มปรับแผนช่องทางการจำหน่ายใหม่เมื่อปีที่แล้ว โดยเปิดใช้ระบบสัมปทานศูนย์จัดจำหน่าย อายุสัญญา 3 ปี เพื่อให้สามารถกระจายสินค้าเข้าไปสู่ตลาดระดับอำเภอและตำบลมากขึ้น ซึ่งสิ้นปีที่แล้วมีประมาณ 31 ศูนย์ สามารถครอบคลุมพื้นที่จำหน่ายมากกว่า 60 จังหวัดแล้ว จากเดิมที่บริษัทฯดำเนินการเอง

ปีนี้คาดว่าจะตั้งเพิ่มอีก เพื่อให้สามารถครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งบางศูนย์อาจจะดูแลหลายจังหวัด โดยทางผู้รับสัมปทานจะลงทุนเรื่องอุปกรณ์ รถยนต์และพื้นที่ ส่วนบริษัทฯลงทุนด้านระบบ และขายสินค้าให้ ซึ่งช่วงแรกระบบนี้อาจจะยังไม่เห็นผลเรื่องการลดต้นทุน แต่ระยะยาวจากนี้อีก 2-3 ปีจะเห็นชัดเจนว่าลดต้นทุนได้

ทั้งนี้ช่องทางนี้จะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต คาดว่าอีก 5 ปีจากนี้สัดส่วนรายได้จะมาจากช่องทางใหม่นี้ 40% และช่องทางโมเดิร์นเทรดจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ส่วนเทรดดิชันนัลเทรดจะลดลงเหลือ 20-30% จากปัจจุบันสัดส่วนมาจากช่องทางศูนย์จัดจำหน่ายเพียง 20% โมเดิร์นเทรด 30% และเทรดดิชันเทรด 50%

รวมทั้งปรับแผนการใช้งบการตลาดและกิจกรรมที่ตั้งไว้ 100 กว่าล้านบาทเท่าปีที่แล้ว จากเดิมที่เน้นสื่อทีวี 90% และอีก 10% เป็นอื่นๆทั้งสื่อแมกกาซีน สื่อสิ่งพิมพ์ และบีโลว์เดอะไลน์ จะลดสื่อทีวีเหลือ 80% แต่ยังเป็นสื่อหลัก แล้วหันไปเพิ่มสื่ออื่นกับบีโลว์เดอะไลน์เป็น 20% เริ่มใช้กับแบรนด์ ยูโร่คัสตาร์ดเค้กก่อน โดยลงทุน 10 ล้านบาท ใช้สื่อโฆษณารถไฟฟ้าบีทีเอส จำนวน 2 ขบวน สัญญา 1 ปี และมีแคมเปญด้วยร่วมถ่ายรูปกับบีทีเอสที่ทำโฆษณาส่งมาชิงโชค นาน 2 เดือน

กลยุทธ์นี้เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายยูโร่คัสตาร์ดเค้กไปสู่คนรุ่นใหม่มากขึ้น อีก 20% จากเดิมกลุ่มหลักคือครอบครัว 60% ซึ่งจะทำให้ครองความเป็นผู้นำตลาด 90% ไว้เหนียวแน่นจากมูลค่าตลาดรวมของเลเยอร์เค้กกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะมุ่งเน้นกลุ่มเค้กมากที่สุด เพราะเป็นขนมที่สามารถทานแล้วอิ่มท้อง สะดวก ราคาไม่แพง เหมาะกับภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ น่าจะจำหน่ายได้ดี

“ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีเช่นนี้ทุกคนต้องปรับตัว เพราะยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายทางเลย ต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น สัญญาณไม่ดีเริ่มเห็นสิ้นเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ยอดขายรวมลดลงกว่า 10% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม แต่ยังไม่ลดการผลิต ปรับตัวเลขภายในก่อน แต่ถ้าเทียบกุมภาพันธ์ปีนี้ยังสูงกว่า 5% จากปีที่แล้ว คาดว่าปีนี้ผู้ประกอบการขนมรายเล็กที่มีมากมายจะมีปัญหาแน่” นายสมชาติกล่าว

แม้ว่าปีนี้บริษัทฯจะปรับกลยุทธ์การดำเนินงานแล้วก็ตาม แต่ก็ตั้งเป้ารายได้เติบโตไว้เพียง 5% จากรายได้รวมปีที่แล้ว 2,500 ล้านบาท ถือเป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบสิบปีของบริษัทฯ จากปกติเติบโตเฉลี่ย10% ทุกปี

ปัจจุบันบริษัทฯนี้มีมากกว่า 50 แบรนด์เช่น ยูโร่คัสตาร์ด, โอโจ้, ยูโร่, ครีโก้, เอลเซ่, ปีโป้ เป็นต้น แบ่งสินค้าออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่คือ 1.กลุ่มเค้ก สัดส่วนรายได้ 54% 2.กลุ่มเวเฟอร์ สัดส่วนรายได้ 21% 3.กลุ่มเยลลี สัดส่วนรายได้ 19% 4.กลุ่มอื่นๆเช่นลูกอม หมากฝรั่ง สัดส่วน 6% ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมีสินค้าใหม่ออกมาวางตลาดทั้งแบรนด์เดิมในกลุ่มใหม่และแบรนด์ใหม่ โดยปีนี้คาดว่ากลุ่มเค้กน่าจะเติบโตดีที่สุด ขณะที่กลุ่มลูกอมและหมากฝรั่งจะเป็นกลุ่มที่น่าห่วงที่สุด   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us