Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 มีนาคม 2552
วิริยะฯไม่หวั่นเศรษฐกิจทรุด ตั้งเป้าเบี้ยประกันเพิ่ม3-5%             
 


   
search resources

วิริยะประกันภัย
Insurance




วิริยะประกันภัยสวนกระแสเศรษฐกิจทรุด ตั้งเป้าเบี้ยฯรวมโต 3-5% เน้นเจาะตลาดนอน-มอเตอร์คาดโตได้ถึง 15% ส่วนปี 51 ที่ผ่านมา มีเบี้ยรวมกว่า 1.6 หมื่นล้าน โต 9.40% ขณะที่กำไรสุทธิหด หลังขาดทุนจากการลงทุนถึง 900 ล้าน

นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา กรรมการรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด กล่าวว่า ในปี 2552 นี้ บริษัทได้ตั้งเป้าอัตราเติบโตของเบี้ยโดยรวมไว้ที่ระดับ 3-5% ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของปัญหาเศรษฐกิจในช่วงต่อไป โดยในส่วนของเบี้ยประกันรถยนต์ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทนั้น คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3% ขณะที่ส่วนของนอน-มอเตอร์คาดว่าจะเติบโตประมาณ 15% ซึ่งเชื่อว่าอัตราที่น่าจะทำได้จากการเร่งการขายผ่านสาขาของบริษัทที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับพนักงานขายก็จะมีความชำนาญมากขึ้นหลังจากที่ได้เริ่มขายมาเป็นปีที่ 3 แล้ว

"วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีนี้ นับว่ามีความรุนแรงมากกว่าที่เกิดขึ้นในปี 40 แต่บริษัทเชื่อว่าธุรกิจประกันจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งก่อน ที่มียอดเบี้ยประกันลดลงถึง 20% เนื่องจาก ประชาชนมีความเข้าใจและเห็นความสำคัญของธุรกิจประกันมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้จากอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันที่โตอย่างก้าวกระโดดมาหลายปี แต่ภาพรวมของธุรกิจประกันปีนี้ คงจะบวกลบไม่เกิน 5% คือโตไม่เกิน 5% หรือจะหดตัวก็ไม่เกิน 5% เพราะตามปกติของธุรกิจประกันภัยแล้ว จะโตประมาณ 2 เท่าของจีดีพี"

สำหรับผลประกอบการปี 51 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรไม่มากนัก โดยสาเหตุหลักมาจากบริษัทมีผลขาดทุนจากลงทุนถึง 900 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ที่ลดลง แต่เนื่องจากบริษัทมีกำไรจากรับประกันภัยประเภทรถยนต์สูงกว่า 1,000 ล้านบาท จึงทำให้ชดเชยในส่วนขาดทุนไปได้ แต่ในปีนี้เชื่อว่าผลประกอบการน่าจะดีขึ้น

นายกฤตวิทย์กล่าวอีกว่า การขาดทุนในหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้น เป็นไปตามภาวะที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งบริษัทยังคงมีนโยบายการลงทุนที่ระมัดระวังเช่นเคย แต่เหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก ทำให้การลงทุนของบริษัทได้รับผลกระทบไปด้วย

นายอานนท์ โอภาสพิมลธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2551 นั้นบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 16,390 ล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 9.40% เมื่อเทียบกับปี 2550 ประกอบด้วยเบี้ยประกันภัยรับจากงานประเภทมอเตอร์ 15,486 ล้านบาท แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับภาคสมัครใจ 13,035 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับภาคบังคับ 2,451 ล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยรับของงานประเภทนอน-มอเตอร์มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 904 ล้านบาท โดยแยกเป็นประกันอัคคีภัย 204 ล้านบาท ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 83 ล้านบาท และประกันภัยเบ็ดเตล็ด 616 ล้านบาท

"จะเห็นได้ว่าแม้สภาพเศรษฐกิจในประเทศจะไม่ค่อยดี แต่ในปีที่ผ่านมาวิริยะประกันภัยยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยการเติบโตดังกล่าวเกิดจากศักยภาพของบริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดี ด้วยการประสานสัมพันธภาพและเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างศูนย์บริการสินไหมฯ สาขา ตัวแทน และศูนย์ซ่อม เพื่อนำบริหารที่มีคุณภาพที่ดีสู่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง"

ในปีนี้ บริษัทยังคงเชื่อในศักยภาพของบริษัท แม้จะได้รับผลกระทบจากสภาพทางเศรษฐกิจของประเทศบ้าง แต่ก็คงไม่มากนัก โดยเฉพาะกลุ่มงานด้านนอน-มอเตอร์ บริษัทวางเป้าหมายหลักในการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นในกลุ่มลุกค้าที่มีฐานธุรกิจที่ดี ได้แก่ 1. กลุ่มลูกค้าการประกันภัยรถยนต์ และธุรกิจประกันภัยที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ โดยบริษัทจะนำเสนอบริการด้านการประกันภัยนอน-มอเตอร์ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การประกันภัยความรับผิดของผู้รับขนส่งสินค้า เป็นต้น

2.กลุ่มลูกค้าประชาชนทั่วไป ซึ่งขณะนี้บริษัทมีลูกค้าอยู่ประมาณ 4 ล้านกว่าราย ส่วนหนึ่งก็คือประชาชนทั่วไป ซึ่งยังถึงการประกันภัยประเภทอื่นๆได้ยาก บริษัทจึงมีเป้าหมายที่จะนำการประกันภัยที่สำคัญไปให้ถึงมือลูกค้ามากขึ้น แม้ว่าการประกันภัยประเภทนี้จะมีต้นทุนการเข้าถึงลูกค้าสูงกว่าก็ตาม เช่น การประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยแบบประหยัดที่ลูกค้าชำระเบี้ยประกันภัยเพียงปีละ 600 บาทเท่านั้น การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล และการประกันสุขภาพของบริษัท ซึ่งเบี้ยประกันอยู่ในเกณฑ์ที่ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อหาได้ โดยในส่วนของประกันสุขภาพนั้น ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายเบี้ยเเพิ่มเป็น 70-80 ล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 30 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us