|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
คลังเผยฐานะการคลังเดือนกุมภาพันธ์มียอดขาดดุลเฉียดแสนล้านบาท ระบุผลจากเร่งเบิกจ่ายเงินงบประมาณกว่า 1.7 แสนล้านเข้าสู่ระบบ ตามนโยบายการคลังของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ 5 เดือนแรกของปีมียอดขาดดุลรวม 3.24 แสนล้าน
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ฐานะการคลังในเดือนกุมภาพันธ์ 52 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 8.04 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 2.78 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมหลักจัดเก็บได้ลดลง โดยภาษีที่จัดเก็บต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่ผ่านมาที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม อากรขาเข้า ภาษีรถยนต์ และภาษีธุรกิจเฉพาะ นอกจากนี้ในเดือนนี้ได้มีการจัดสรรรายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตาม พรบ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ฯ งวดที่ 1 จำนวน 8.6 พันล้านบาท
โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1.79 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6.1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวเป็นรายจ่ายประจำ 1.32 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีที่แล้ว โดยเป็นผลจากรายจ่ายชดใช้เงินคงคลังจำนวน 2.75 หมื่นล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 3.38 หมื่นล้านบาท เนื่องจากได้มีรายจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ อปท. 2.6 หมื่นล้านบาท และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 1.3 หมื่นล้านบาท
จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้นส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ขาดดุล 9.92 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 5 หมื่นล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการได้รับชดใช้เงินคงคลังจำนวน 2.75 หมื่นล้านบาท การออกตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 9 พันล้านบาท และได้รับรายได้ส่วนเกินจากการออกพันธบัตรจำนวน 2.4 พันล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสด 4.84 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลด้วยการกู้เงินโดยออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง จำนวน 6.95 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ดุลเงินสดหลังกู้ชดเชยการขาดดุลเกินดุลจำนวน 2.1 หมื่นล้านบาท
สำหรับฐานะการคลังในช่วง 5 เดือนแรกปีงบประมาณ 52 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 4.52 แสนล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วจำนวน 8.2 หมื่นล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการจัดเก็บภาษีที่สำคัญ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรขาเข้า และภาษีเงินได้ปิโตรเลียมลดลง รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ลดลงมาก ในขณะที่การคืนภาษีของกรมสรรพากรเพิ่มขึ้นมาก
รายจ่ายรัฐบาล การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 7.76 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 1.06 แสนล้านบาท โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายปีปัจจุบัน 7.06 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 38.5% ของวงเงินงบประมาณ โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายประจำ 5.92 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 19.8% และรายจ่ายลงทุน 1.13 แสนล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา 3.8% และรายจ่ายปีก่อน 6.9 หมื่นล้านบาท
ด้านดุลการคลังรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาล ส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณขาดดุล 3.24 แสนล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุลจำนวน 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการได้รับชดใช้เงินคงคลังจำนวน 2.7 หมื่นล้านบาท ทำให้ดุลการคลัง (ดุลเงินสด) ของรัฐบาลขาดดุล 2.99 แสนล้านบาท ทั้งนี้ รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงิน รวมทั้งเพื่อเป็นการประหยัดภาระดอกเบี้ย จึงได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลังจำนวน 1.28 แสนล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 1.7 แสนล้านบาท
|
|
|
|
|