|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไทยเบฟฯ ชี้รัฐรีดภาษีน้ำเมา กระทบสินค้าต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นตามต้นทุน ฉวยเศรษฐกิจตกสะเก็ด คนซดเบียร์ราคาถูก อัดฉีด 50 ล้านบาท ลุยปั้นอาชาครั้งแรกรอบ 5 ปี ระเบิดแคมเปญโฆษณา ปัดฝุ่นภาพลักษณ์ให้ชัดเจน มีความทันสมัย ทะลวงคอเบียร์ต่างจังหวัด เจาะช่องทางออฟพรีมิส สิ้นปีโกยแชร์จาก 12% เพิ่มเป็น 15%
นายชาลี จิตจรุงพร รองผู้อำนวยการสำนักการตลาด บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์ช้าง อาชา และเฟดเดอร์บรอย เปิดเผยว่า จากกรณีภาครัฐมีแนวทางจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น โดยในแง่ของผู้ประกอบการหากภาษีเพิ่มขึ้นก็ต้องปรับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ย่อมส่งผลกระทบต่อยอดขายแน่นอน เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้เงิน และมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่ถูก แต่ต้องมีรสชาติที่ดี อย่างไรก็ตามการจัดเก็บที่เพิ่มขึ้น เป็นเรื่องที่บริษัทไม่สามารถควบคุมได้
ส่วนกรณีแนวทางห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงสงกรานต์ เชื่อว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคปรับเปลี่ยน โดยซื้อสินค้ามากักตุนเพื่อดื่มในช่วงดังกล่าว มองว่าภาครัฐควรรณรงค์การให้ความรู้การดื่มอย่างถูกวิธีมากกว่า
สำหรับแนวทางการตลาดในช่วงต้นปี บริษัทรุกทำตลาดเบียร์อาชาครั้งแรกในรอบ 5 ปี เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูง ขนาด 640 มล. ราคา 29-32 บาท และขนาด 330 มล. ราคา 19-22 บาท สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งปริมาณดีกรีแอลกอฮอล์ 5.2% ไม่สูงมากนักรับสอดรับกับเทรนด์ของกลุ่มเป้าหมายที่ดื่มเครื่องดื่มดีกรีต่ำลง โดยบริษัทได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญโฆษณาเบียร์อาชาใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “สัมพันธภาพที่ตัดกันไม่ขาดระหว่างเพื่อน” เพื่อสร้างภาพลักษณ์สินค้าให้มีความชัดเจนมากขึ้น และมีความทันสมัย
พร้อมกันนี้บริษัทได้ยังปรับโลโก้ใหม่ ซึ่งจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง นำร่องจัดการแข่งขันประกวดดนตรี “ชาวอาชาเนียน” ขึ้นเพื่อส่งเสริมความฝันคนรุ่นใหม่ สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายอายุ 20-25 ปี ทั้งนี้การทำตลาดอาชาบริษัทเน้นเจาะตลาดต่างจังหวัด ผ่านช่องทางออฟพรีมิสเป็นหลัก แตกต่างเบียร์ช้างเจาะกลุ่มเป้าหมายคนเมืองมากขึ้น และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุก เบียร์อาชาตั้งเป้าเติบโต 20-30% หรือมีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 12% เป็น 15% จากมูลค่าตลาดกว่า 1 แสนล้านบาท
“ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ทำให้ผู้ประกอบการระมัดระวังการใช้งบในการทำโฆษณา เราจึงถือว่าโอกาสในช่วงวิกฤตให้เป็นโอกาสสำหรับเบียร์อาชา จากที่ผ่านมาขาดการสื่อสารและการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง”
นายชาลี กล่าวว่า การทำตลาดในช่วงครึ่งปีแรกค่อนข้างลำบาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี สำหรับตลาดเบียร์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาซบเซา แต่คาดว่าไตรมาส 2 หรือ 3 ผู้ประกอบการจะเริ่มกลับเข้ามาทำตลาด เพื่อหนีตายจากตลาดที่ซบเซา สำหรับสภาพตลาดเบียร์มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ในปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 4-5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 3% แบ่ง อีโคโนมีกว่า 80% สแตนดาร์ดกว่า 10% ที่เหลือไม่ถึง 10% เบียร์พรีเมียม ที่หดตัวลง เพราะกลุ่มเป้าหมายหันมาดื่มเบียร์สแตนดาร์ดมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่า
|
|
|
|
|