Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน13 มีนาคม 2552
BAYซื้อพอร์ตรายย่อยเพิ่ม             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา

   
search resources

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
วีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ
Banking and Finance




แบงก์กรุงศรีฯ ยอมรับมีการเจรจาซื้อธุรกิจรายย่อยเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ ปัดสนใจซื้อหุ้นสินเอเซียจากแบงก์กรุงเทพ ขณะที่ประชุมผู้ถือหุ้นวานนี้ไฟเขียวซื้อหุ้นเอไอจีแบงก์คาดได้รับอนุมัติจากแบงก์ชาติภายในเดือนมีนาคมนี้ ประเมินภายหลังรวมทรัพย์สินเอไอจีทำให้สเปรดเพิ่มเป็น 4.25% จากปัจจุบัน 3.2%

นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ธนาคารยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีความสนใจที่จะซื้อหุ้นของธนาคารสินเอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ ACL แต่อย่างใด แต่ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อธุรกิจรายย่อยเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2552 ขึ้น ที่สำนักงานใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งที่ประชุมได้มีมติรับรองการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และบริษัทเอไอจี คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งการซื้อหุ้นดังกล่าวทำให้สัดส่วนการทำธุรกิจรายย่อยของธนาคารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36%

สำหรับความคืบหน้าในการซื้อหุ้นของเอไอจีครั้งนี้ ธนาคารคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ และจะเข้าทำรายการซื้อหุ้นได้ภายในต้นเดือนเมษายน

"จากการซื้อหุ้นดังกล่าวธนาคารยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำการเพิ่มทุนแต่อย่างใด เนื่องจากขณะนี้สภาพคล่องของธนาคารยังอยู่ในระดับที่เพียงพอ และรองรับการซื้อกิจการได้อีก 1-2 โครงการที่เจรจาอยู่ด้วย"

นายวีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และบริษัทแม่ของจีอีก็ได้รับผลกระทบทำให้ราคาหุ้นตกลงค่อนข้างมากนั้น ไม่ได้ส่งผลต่อการถือหุ้นในธนาคารแต่อย่างใด เนื่องจากหากทางจีอีจะถอนการลงทุนในธนาคาร ก็จะต้องหาผู้เข้ามาลงทุนใหม่ ซึ่งเชื่อว่าภาวะปัจจุบันไม่น่าจะมีนักลงทุนรายใดที่จะลงทุนด้วยวงเงินที่สูง

นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ธนาคารได้ทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับจำนวนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไว้หมดแล้ว ซึ่งเอ็นพีแอลที่จะเข้ามานั้นถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่มากและอยู่ในระดับที่ธนาคารสามารถจะจัดการได้ สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (สเปรด) นั้นก็จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.2% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.2% ส่วนการทำกำไรก็คงมีเพิ่มขึ้นบ้างแต่จะเห็นชัดเจนในปีหน้า

ทั้งนี้ การปล่อยสินเชื่อของธนาคารในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมายังอยู่ในระดับที่ทรงตัว ส่วนเป้าหมายการเติบโตจากสินเชื่อปกติที่ 6% นั้นคงจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากขณะนี้คาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจน่าจะติดลบอยู่ที่ 0.5-1% ทำให้คาดว่าสินเชื่อปกติปีนี้น่าจะทรงตัว แต่จากการเข้าซื้อกิจการของเอไอจีนี้ทำให้ธนาคารมีการเติบโตแล้ว 4-5%

สำหรับแนวโน้มของการผิดนัดชำระในขณะนี้ก็เริ่มมีเพิ่มขึ้น ในส่วนของการผิดนัดชำระ 30 วัน แต่ยังไม่ได้เป็นเอ็นพีแอล โดยส่วนที่ผิดนัดชำระส่วนใหญ่จะมาจากภาคส่วนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม Reply Reply to all Forwardning is not available to chat

อนึ่ง เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้แจ้งว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะเข้าซื้อหุ้น 99.5% ใน ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และ 100% ในบริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ในราคารวมประมาณ 2,055 ล้านบาท โดยราคาดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลง ณ วันที่ซื้อขายสำเร็จ ซึ่งการดำเนินการในขั้นตอนต่อไปจะต้องได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมทั้งที่ประชุมผู้ถือหุ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการสองบริษัทในครั้งนี้ จะทำให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณ 32,000 ล้านบาท จาก 745,000 ล้านบาท เป็นประมาณ 777,000 ล้านบาท และส่งผลให้ฐานสินเชื่อรายย่อยของธนาคารเพิ่มขึ้น 14% และจำนวนบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นประมาณ 222,000 บัตร ซึ่งการเข้าซื้อธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอไอจีคาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำกลยุทธ์ที่สำคัญประการหนึ่งของธนาคารที่จะเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจปกติ

นอกจากนี้ จากการเข้าซื้อกิจการของธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ดังกล่าว ยังทำให้เกิดกระแสว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีแนวโน้มที่จะเข้าซื้อหุ้นของธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) จากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งของธนาคารสินเอเซีย โดย ณ สิ้นปี 2551 ธนาคารสินเอเซียมีสินทรัพย์รวม 70,000 ล้านบาท และยอดคงค้างสินเชื่อ 44,000 ล้านบาท โดยมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ระดับ 7.92 บาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us