Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 มีนาคม 2552
กสิกรฯลั่นขึ้นอันดับ1แบงก์แอสชัวรันส์             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
Banking and Finance




แบงก์กสิกรไทยบรรลุข้อตกลงในการเข้าลงทุนในเมืองไทยประกันชีวิตผ่านเมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง เตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้น 3 เม.ย.นี้ ลั่นครองอันดับ 1 ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ในอีก 2-3 ปี พร้อมหนุนสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มเป็น 30% ยันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร แต่จะมีหารือเรื่องกรรมการ ขั้นต้นจากแบงก์ 7 คน ตระกูลล่ำซำ 3 คน และโฟร์ทิส 3 คน

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารกสิกรไทย ได้มีมติอนุมัติขยายการลงทุนในกลุ่มบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต และเมืองไทยประกันภัย ผ่านการถือหุ้นของบริษัท เมืองไทย โฟร์ทิส โฮลดิ้ง จำกัด ในสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 51% คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 6,500-7,500 ล้านบาท โดยมีกำหนดการขออนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นของธนาคารในวันที่ 3 เมษายนนี้ และคาดว่าการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ภายหลังจากที่ธนาคารได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะบริษัท (Due Diligence) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับเงินทุนที่ใช้ซื้อหุ้นครั้งนี้ ธนาคารมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ และทำให้ธนาคารรับรู้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มเติมจากธุรกิจประกัน และมีมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นประมาณ 60,000-70,000 ล้านบาท ในปี 2552

ทั้งนี้ การเข้าถือหุ้นดังกล่าวไม่ได้ทำให้บริษัทเมืองไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทในเครือธนาคาร เนื่องจากธุรกิจอื่นที่อยู่ในเครือธนาคารนั้นจะมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 100% อีกทั้งการเข้าถือหุ้นใหญ่ในเมืองไทย โฟร์ทิส นั้นจะมีการตกลงกันเกี่ยวกับตำแหน่งกรรมการอีกครั้งหนึ่ง โดยในเบื้องต้นน่าจะเป็นตัวแทนจากธนาคารกสิกรไทย 7 คน ตระกูลล่ำซำ 3 ตัวแทนจากโฟร์ทิส 3 แต่ทีมผู้บริหารของเมืองไทยประกันชีวิตยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง

"สำหรับสัดส่วนโครงสร้างการถือหุ้นใหม่นั้นภายหลังธนาคารกสิกรไทยเข้ามานั้น ทางธนาคารกสิกรไทยจะถือหุ้นในเมืองไทย โฟร์ทิส อยู่ที่ 51% ตระกูลล่ำซำ อยู่ที่ 40% และ โฟร์ทิสอยู่ที่ 9% ซึ่งการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้จะซื้อจากหุ้นเดิมและส่วนที่จะเพิ่มทุน"

นายประสารกล่าวว่า การร่วมมืองทางธุรกิจครั้งนี้ จะทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจแบงก์แอลชัวรันส์มากขึ้น ซึ่งรวมถึงการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม โดยธนาคารตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเป็น 30% ของรายได้รวมในอีก 2-3 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 25% ส่วนค่าธรรมเนียมที่ได้รับจากการทำแบงก์แอลชัวรันส์กับเมืองไทยประกันชีวิตในช่วงที่ผ่านมานั้นมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 100 ล้านบาท เป็น 400 ล้านบาท และปีที่ผ่านมามีจำนวน 900 ล้านบาท

ด้านนายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ได้กล่าวถึงการเติบโตเฉลี่ยของธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาว่า เติบโตอยู่ที่ร้อยละ 11กอปรกับโอกาสในการตลาดยังคงมีอีกมาก อัตราเบี้ยประกันชีวิตเทียบกับค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (Insurance Penetration Rate) จะอยู่ในระดับต่ำเพียงประมาณร้อยละ 2 ซึ่งค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในเอเชียจะอยู่ที่เกินกว่าร้อยละ 5-10 อย่างไรก็ตาม ด้วยนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ การบริการ การสร้างความรู้ความเข้าใจและช่องทางการเข้าถึงประชาชนที่มากขึ้นจะช่วยส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการทำประกันชีวิตมากขึ้น

นายสาระกล่าวว่า สำหรับการที่จะลงนามสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างเมืองไทยประกันชีวิต บริษัท โฟร์ทิส อินชัวรันส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็น. วี. และธนาคารกสิกรไทยในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยบริษัทจะสามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่เสริมการให้บริการทางการเงินของธนาคารได้อย่างกว้างขวางและครบถ้วนมากขึ้น

พร้อมไปกับการที่ธนาคารก็จะสามารถใช้ศักยภาพของทรัพยากรที่มีคุณภาพของตัวแทนกว่า 20,000 คนที่มีความพร้อมในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าซึ่งจะส่งผลดีอย่างยิ่งต่อทั้ง 2 องค์กร

นายเดมิส ซิงก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอเชีย บริษัท โฟร์ทิส อินชัวรันส์ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็น. วี. กล่าวว่า การร่วมมือนี้เป็นการขยายพันธมิตรทางธุรกิจอันแข็งแกร่งในประเทศไทย ผ่านการผนึกกำลังสามฝ่ายระหว่างกลุ่มบริษัท โฟร์ทิส ธนาคารกสิกรไทย และเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของกลุ่มบริษัท โฟร์ทิส ที่มีต่ออนาคตทางธุรกิจของเมืองไทยประกันชีวิต รวมถึงโอกาสในการเติบโตและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทในระยะยาว โดยเราตั้งเป้าหมายว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ของการทำธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์

กสิกรฯชี้สินเชื่อระบบ2เดือนติดลบ

นายประสาร กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสแรกนี้อาจจะติดลบ เนื่องจากในช่วง 2 เดือนแรกของปีนั้นมีการติดลบอยู่ที่ 2% โดยยอดสินเชื่อคงค้างมีการลดลง ส่วนของธนาคารเอง 2 เดือนแรกก็มีการปล่อยสินเชื่อติดลบ 2% เช่นกัน แต่จากตัวเลขเป้าหมายของธนาคารแต่ละแห่งนั้นยังคาดว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 5%

สำหรับปัญหาภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจะถึงจุดสิ้นสุดเมื่อไหร่นั้นยังไม่สามารถตอบได้ และคงไม่มีใครกล้าจะทำนาย เพราะข่าวที่ออกมาในขณะนี้ยังคงไปในทิศทางขาลง อย่างไรก็ตามจากเดิมที่เคยคาดว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นนั้นขณะนี้ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน

"ตอนนี้ยังไม่เห็นตัวเลขการปล่อยสินเชื่อในเดือนมีนาคมว่าเป็นอย่างไร แต่ 2 เดือนที่ผ่านมายังติดลบ ทำให้คาดว่าในไตรมาสแรกสินเชื่อก็อาจติดลบได้ เพราะตอนนี้ยอดเบิกใช้น้อยมาก และส่วนที่ลดลงจะเป็นพวกเทรดไฟแนนซ์"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us