“พาณิชย์”สั่งลดราคาเหล็กทุกชนิดลดลงตันละ 2 พันบาท เริ่ม 16 มี.ค.นี้เป็นต้นไป หลังวัตถุดิบตลาดโลกปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ด้านผู้ประกอบการยอมรับราคามีแต่ลงกับลง เหตุความต้องการใช้วูบมาตั้งแต่ปลายปี เผยยอดขายตกไปแล้ว 40% อ้อนรัฐเร่งโครงการเมกะโปรเจ็กต์กระตุ้นด่วน
นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอุนกรรมการพิจารณาราคาแนะนำเหล็กโครงสร้าง และเหล็กรูปพรรณ ได้มีมติให้ปรับลดราคาแนะนำเหล็กทุกชนิดลงอีกตันละ 2,000 บาท หรือกิโลกรัมละ 2 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป เนื่องจากเห็นว่าราคาวัตถุดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาก หลังจากปริมาณความต้องการใช้เหล็กทั้งในและต่างประเทศลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
“ที่ประชุมเห็นว่าราคาแนะนำเหล็กที่ลดลงตันละ 2,000 บาท เหมาะสมแล้ว แม้ว่าในการประชุมได้มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า ราคาขายเหล็กตอนนี้ต่ำกว่าราคาแนะนำที่จะประกาศอยู่แล้ว เพราะผู้ประกอบการได้มีการปรับลดราคาตามต้นทุนที่ลดลง และสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ชะลอตัวลง ความต้องการใช้ลดลง จึงต้องลดราคาขายลงมา แต่ถ้าจะให้ตั้งราคาแนะนำลดลงมากกว่านี้ อาจจะทำให้ราคาเหล็กตกต่ำจนกระทบกับธุรกิจในภาพรวมได้ ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นตรงกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน ผู้ขายและผู้ใช้”นางวัชรีกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ราคาแนะนำเหล็กที่มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.นั้น เมื่อเทียบกับราคาล่าสุดเมื่อเดือนธ.ค.2551 ประกอบด้วย เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ราคาหน้าโรงงาน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เหลือตันละ 24,000-24,500 บาท ลดจาก 26,000-26,500 บาท เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดแผ่นเหลือ 25,000-26,000 บาท ลดจาก 27,000-28,000 บาท เหล็กเส้นกลมน้ำหนัก 2.22 กก.ต่อเส้น หน้าโรงงานเหลือ 25,450 บาท ลดจาก 27,450 บาท ขายปลีกเหลือ 28,282 บาท ลดจาก 30,282 บาท
ส่วนเหล็กเส้นกลมน้ำหนัก 4.99 กก.ต่อเส้น หน้าโรงงานเหลือ 24,950 บาท ลดจาก 26,950 บาท ราคาขายปลีกเหลือ 27,405 บาท ลดจาก 29,405 บาท เหล็กเส้นกลม 8.88 กก.ต่อเส้น หน้าโรงงานเหลือ 24,350 บาท ลดจาก 26,350 บาท ราคาขายปลีกเหลือ 26,709 บาท ลดจาก 28,709 บาท เหล็กเส้นข้ออ้อยเอสดี 30 น้ำหนัก 8.88 กก.ต่อเส้น หน้าโรงงาน 24,350 บาท ลดจาก 26,350 บาท ขายปลีกเหลือ 26,709 บาท ลดจาก 28,709 บาท เหล็กเส้นข้ออ้อยเอสดี 40 น้ำหนัก 8.88 กก.ต่อเส้น หน้าโรงงานเหลือ 24,550 บาท ลดจาก 26,550 บาท ราคาปลีกเหลือ 26,922.50 บาท ลดจาก 28,922.50 บาท ส่วนเหล็กเส้นข้ออ้อย 15.78 กก.ต่อเส้น และ 24.66 กก.ต่อเส้น หน้าโรงงานเหลือเท่ากันที่ 24,250 บาท ลดจาก 26,250 บาท ขายปลีกเหลือเท่ากันที่ 26,665.50 บาท ลดจาก 28,665.50 บาท
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานกลุ่มเหล็ก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ราคาเหล็กที่ลดลงเป็นผลจากที่ยอดขายในและต่างประเทศตกต่ำ โดยยอดขายในประเทศชะลอตัวมาตั้งแต่ปลายปีต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยมียอดขายลดลงเฉลี่ย 40% ของกำลังการผลิต ขณะเดียวกันวัตถุดิบเหล็กในตลาดโลกก็ปรับลดลงตามแนวโน้มการใช้ โดยเศษเหล็กลดเหลือ กก.ละ 8-9 บาท จากเคยขึ้นสูงสุดกก.ละ 20 บาท เหล็กแท่งยาว (บิลเลต) ราคาเหลือ 400-500 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากที่เคยขึ้นสูง 700-800 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่เหล็กแท่งแบน (สแลป) ก็มีราคาลดลง
“ปัจจุบันยอดเหล็กในประเทศตกลงต่อเนื่องซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และขณะนี้ผู้ประกอบการยอมขายขาดทุนเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้อยู่รอดไปก่อน และขอรอดูสถานการณ์ถึงไตรมาสสองก่อน หากสต็อกเหล็กในคลังหมด อาจทำให้ผู้ใช้กลับมาซื้อได้ ส่วนยอดซื้อเหล็กเส้นคงต้องสถานการณ์การก่อสร้าง และนโยบายภาครัฐการกระตุ้นโครงการเมกะโปรเจกต์ว่าจะเดินหน้าอย่างไร ซึ่งเวลานี้ไม่เห็นสัญญากระเตื้องขึ้นของยอดขาย”นายพยุงศักดิ์กล่าว
|