|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
บาฟส์ตั้งเป้าปีนี้ปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานขยายตัว -2% ฉุดรายได้และกำไรหดจากปีก่อน ยอมรับแผนการบินไทยย้ายจากสนามบินดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ กระทบบาฟส์เล็กน้อย เปิดช่องบาจากฯเป็นผู้ถือหุ้นใหม่ แต่ติดปัญหาปตท.แทงกั๊กคัดค้าน หลังให้การบินไทยซื้อน้ำมันตรงจากโรงกลั่นบางจากฯ เพื่อป้องกันความเสี่ยงการขาดสภาพคล่องของบินไทย
ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BAFS) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าธุรกิจการบินจะฟื้นตัวจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทำให้อัตราการเติบโตของปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานปีนี้ลดลงจากปีก่อน 2% มีผลให้รายได้ลดลง 2% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,127 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิปรับลดลงด้วย แต่จะไม่มีผลกระทบต่อการจ่ายเงินปันผลที่ยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50%ของกำไรสุทธิ
“ บาฟส์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเมื่อปี 2551ที่มีอัตราการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน -6% โดยปีนี้มองว่าธุรกิจการบินเริ่มฟื้นตัว ทำให้การให้ปริมาณบริการเติมน้ำมันขยายตัว-2% โดยผ่านมาแล้ว 3เดือนพบว่าอัตราการให้บริการดีกว่าที่คาดไว้ หากไม่มีปัจจัยลบการเมืองก็น่าจะเป็นไปตามคาดหมาย”
ทั้งนี้ บริษัทฯได้ประมาณการอัตราการเติบโตของปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในปีนี้ ในช่วงม.ค. 52 ติดลบ 14% เดือนก.พ.ติดลบ 18% และมี.ค.ติดลบ 14% และจะเพิ่มสูงขึ้นมากในเดือนพ.ย.และธ.ค. 52 มีอัตราการขยายตัว +24% และ +31% ทำให้ทั้งปีอัตราปริมาณการใช้น้ำมันโตเฉลี่ย - 2% แต่จากไตรมาสแรกปีนี้พบว่า ปริมาณการใช้น้ำมันอากาศยานปรับลดลงในอัตราใกล้เคียงที่คาดไว้ ทำให้ไตรมาส1/2552 อัตราการโตของปริมาณการใช้น้ำมันจะอยู่ที่ -14% โดยบาฟส์ยังคงรักษาส่วนแบ่งการตลาดของการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานไว้ไม่ต่ำกว่า 85%
ส่วนกรณีที่บริษัทการบินไทยจำกัด (มหาชน)จะย้ายจากสนามบินดอนเมืองกลับไปยังสนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.นี้ตามนโยบายสนามบินเดียว (Single Airport) ส่งผลกระทบต่อบาฟส์แต่ไม่มากนัก โดยบริษัทฯยังคงให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานให้การบินไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิเช่นเดิม เพียงแต่จะลดปริมาณน้ำมันสำรองที่คลังดอนเมืองลง เพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการแก่สายการบินต้นทุนต่ำ 2ราย คือ นกแอร์และวันทูโกเท่านั้น แต่หากสายการบินต้นทุนต่ำต้องย้ายไป
สุวรรณภูมิในปลายปีนี้ ทางบริษัทฯก็จะปรับคลังน้ำมันที่ดอนเมืองจากให้บริการเติมน้ำมันมาเป็นให้เช่าคลังเพื่อสำรองดีเซลแก่ผู้ค้าน้ำมันแทน
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่ารัฐควรให้สนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินรองรับสายการบินในประเทศ และกรณีฉุกเฉินก็สามารถใช้สนามบินดอนเมืองได้ เนื่องจากมีปริมาณสำรองน้ำมันสูงถึง 40 ล้านลิตร ขณะที่สนามบินภูมิภาคอื่นๆมีสำรองน้ำมันไม่มาก
ม.ร.ว.ดิศกุล กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯได้มีการปรับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ 5ปี(2552-2556)ใหม่ โดยนำแผนบริหารความเสี่ยง (Risk Strategies)เข้ามารวมด้วย เนื่องจากมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่แย่ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยมีการพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงสูงสุดในปีนี้ 3ประเด็นคือ 1. วิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้สายการบินจัดตารางการบินมายังประเทศไทยลดลง กระทบต่อรายได้การให้บริการเติมน้ำมันของบาฟส์ บริษัทฯจึงต้องปิดความเสี่ยงโดยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น การปรับลดการลงทุนในปีนี้จากเดิม 60 ล้านบาทเหลือเพียง 15 ล้านบาท และในอีก 5ปีข้างหน้า ลงทุนไม่เกินปีละ 20 ล้านบาท และฝ่ายบริหารบริษัทฯปรับลดเงินเดือนลง 5-20%เป็นเวลา 1ปี เป็นต้น รวมทั้งจะรักษาสภาพคล่องไม่ให้ต่ำกว่า 100ล้านบาท ขณะเดียวกันก็เตรียมสำรองเงินกู้ฉุกเฉินไว้ 200 ล้านบาท หากปริมาณการให้บริการเติมน้ำมันต่ำกว่า 15%
2. ลดความเสี่ยงจากปัญหาขาดสภาพคล่องของลูกค้ารายใหญ่ คือ บมจ.การบินไทย โดยให้การบินไทยซื้อน้ำมันโดยตรงต่อบมจ.บางจาก ซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันอากาศยานรายใหม่ ณ ราคาหน้าโรงกลั่น โดยบาฟส์ได้รับค่าจ้างการเติมน้ำมันอากาศยาน โดยบางจากจะเสียค่าพรีเมี่ยมสูงกว่าผู้ถือหุ้นบาฟส์ 50% เนื่องจากบางจากไม่ใช่ผู้ถือหุ้นบาฟส์
ดังนั้น บริษัทฯได้เสนอให้บางจากเข้ามาถือหุ้นบาฟส์สัดส่วน 2% โดยซื้อหุ้นในตลาดฯแทน โดยบางจากฯได้มีการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติ แต่เท่าที่ทราบบอร์ดฯบางจากยังไม่อนุมัติ เพราะปตท.ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่เห็นชอบ ทั้งๆที่ปตท.เองก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบาฟส์เช่นเดียวกับบริษัทน้ำมันอื่นๆ
และ 3. นโยบายของรัฐในการบริษัท การบินไทย ย้ายจากดอนเมืองไปยังสุวรรณภูมิในวันที่ 29 มี.ค.นี้ โดยการย้ายสนามบินดอนเมืองทำให้บริษัทฯต้องปรับลดปริมาณสำรองน้ำมันในคลังลงจาก 40.5 ล้านลิตร เหลือ 12 ล้านลิตร เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ ขณะเดียวกันมองว่าการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 คงต้องใช้เวลาอีกนานไม่ต่ำกว่า 6-7ปี และบาฟส์จะไม่ลงทุนเองแต่จะให้บริษัทลูกเป็นผู้ลงทุน
“เดิมเราให้สิทธิ์เฉพาะผู้ถือหุ้นในการขายน้ำมันตรงสู่สายการบิน แต่เคสบางจากฯเป็นกรณียกเว้นที่ให้การบินไทยซื้อน้ำมันบางจากในราคาหน้าโรงกลั่น เพื่อปิดความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของบินไทย แต่บางจากต้องเสียพรีเมี่ยมสูงกว่าผู้ถือหุ้นรายอื่นๆด้วย จึงเสนอให้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นบาฟส์เพื่อได้สิทธิ์ในการขายน้ำมันอากาศยานให้กับสายการบินอื่นๆ”
ผลการดำเนินงานงวดปี 2551 บาฟส์และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 437.7 ล้านบาท ลดลง 19.4% โดยมีรายได้รวม 2127 ล้านบาท ลดลง 5.8% โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าบริการของบริษัทฯ เนื่องจากปริมาณน้ำมันที่ให้บริการในปี 2551 เท่ากับ 4312.8 ล้านลิตร ลดลง 6% เป็นผลจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาและปัญหาการเมืองในประเทศจากเหตุการณ์ปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองเป็นเวลา 10 วัน ปัจจุบันบริษัทฯมีกระแสเงินสดประมาณ 400-500 ล้านบาท โดยปีนี้บาฟส์มีแผนชำระหนี้ประมาณ 250 ล้านบาทหากรวมบริษัทฯในเครือฯจะเพิ่มขึ้นเป็น 520 ล้านบาท
|
|
 |
|
|