Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน11 มีนาคม 2552
อสังหาฯทรุดกระทบธุรกิจต่อเนื่องโจตันรับตลาดสีทาอาคารหดตัว20%             
 


   
search resources

Paint
โจตันไทย, บจก.




ตลาดสีหืดขึ้นคอหลังเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลธุรกิจเกี่ยวเนื่องทรุดตาม ส่วนตลาดสีทาอาคารทรุดหนักหดตัวกว่า 20% ด้าน“โจตัน”ปรับกลยุทธ์หวังพลิกฟื้นโต 5-10% ในปี 52 พร้อมเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ดึงยอดขาย ล่าสุดเปิดตัว “โจตาการ์ด” จับกลุ่มอุตสาหกรรมเรือ

นายอีริค มัลเลส กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจตันไทย จำกัด เปิดเผยว่า นับจากไตรมาส4ปี51ตลาดสีทาอาคารปรับตัวลดลง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ตลาดรวมเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่การปรับตัวดังกล่าวยังไม่สามารถชีนำตลาดได้ทั้งปี เพราะปีนี้คาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายอย่าง แต่เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 3- 4 จะปรับตัวดีขึ้น

โดยตลาดสีทาอาคารคาดว่าจะลดลงจากปี 51 ประมาณ 10-20% จากมูลค่าตลาดรวม 11,000 ล้านบาท โจตันมีส่วนแบ่งตลาด 13% ทั้งนี้คาดว่าอสังหาริมทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้นในกลางปีหน้า เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัวช้า ต้องอาศัยระยะเวลาของการพัฒนาโครงการ

ส่วนสีอุตสาหกรรมจะชะลอตัวตามภาคธุรกิจที่ไม่ขยายการลงทุน ร่วมถึงการซ่อมแซมเครื่องจักรและโรงงาน จากปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 3,200 ล้านบาท โจตันมีส่วนแบ่งตลาด 27% อย่างไรก็ตามแม้ว่าอุตสาหกรรมจะชลอดตัว แต่ยังมีการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตเลี่ยม จำกัด (มหาชน) เข้ามาช่วยเสริมทำให้ตลาดสีอุตสาหกรรมทรงตัวได้ในปีนี้

สำหรับสีที่ใช้ในอุตสาหกรรมเรือนั้นจะชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ประมาณ 10% จากภาวะว่าจ้างส่งสินค้าลดลงทำให้เจ้าของเรือบางรายถึงต้องกับขายเรือทิ้ง ส่วนที่เป็นอู่ต่อเรือก็จะถูกยกเลิกหรือชะลอการต่อออกไปก่อน อย่างไรก็ตามในส่วนที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ตามกฎหมายจะต้องให้ทาสีเรืออยู่เสมอทำให้ตลาดดังกล่าวไม่ชะลอตัวไปมากนัก โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าตลาดรวมของสีทาเรือมีประมาณ 1,000 ล้านบาท โจตันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 36%

นายมัลเลส กล่าวต่อว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทำให้ โจตันต้องทบทวนกลยุทธ์การตลาดใหม่ เพื่อให้สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดให้ได้และให้สามารถมีอัตราการเติบโต 5-10% ในปีนี้ โดยจะเน้นการออกผลิตภัณฑ์สีใหม่ๆในทุกเซ็กเมนต์ และยังคงให้น้ำหนักไปที่สีทาอาคารเช่นเดิม เนื่องจากเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ พร้อมทั้งเพิ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายเพื่อทำตลาดในพื้นที่ที่ยังไม่มีสินค้าของโจตันหรือมีน้อย

ล่าสุดออกผลิตภัณฑ์สี “โจตาการ์ด” เพื่อมาทดแทนสี โคลทาร์ อีพ๊อกซี่ (Coal tar epoxy) ที่บริษัทจะเลิกผลิต เพราะเป็นสีที่ต้องใช้ตามขั้นตอนการทาสีและใช้อย่างถูกวิธีเท่านั้น หากใช้ผิดวิธีจะทำให้เกิดอันตรายได้ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นฉุน และแสบจมูก แสบตาขณะทา สีดังกล่าวจะใช้ในอุตสาหกรรมเรือและสีอุตสาหกรรม โดยในแต่ละปีโจตันจะมียอดขายจากสีดังกล่าวปีละ 150 ล้านบาท

สำหรับ โจตาการ์ด มีคุณสมบัติจะมีคุณสมบัติที่ดีกว่ามาก คือ 1.มีเนื้อสีมากกว่าโคลทาร์ อีพ๊อกซี่ 15% ทำให้ทาได้พื้นที่มากกว่าอย่างน้อย15% 2.ไม่มีกลิ่นฉุน แสบจมูก มีเพียงกลิ่นทินเนอร์เล็กน้อยเท่านั้นเหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และลดปริมาณสาร VOC ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้ถึง 50% อย่างไรก็ตาม โจตาการ์ดจะมีราคาสูงกว่าโคลทาร์ อีพ๊อกซี่ ประมาณ15% หรือราคาขายปลีก 155-160 บาท/ลิตรแต่หากเทียบกับปริมาณพื้นที่ที่ทาได้มากกว่าแล้วจะมีราคาเท่ากัน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us