Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน9 มีนาคม 2552
NVLรุกหารายได้ค่าธรรมเนียม หันขายประกัน-ซื้อหนี้เน่าบริหาร             
 


   
search resources

Leasing
นวลิสซิ่ง, บมจ.




นวลีสซิ่งพลิกกลยุทธสู้วิกฤตเศรษฐกิจ รุกหันซื้อเอ็นพีแอลมาบริหาร-ขายประกัน แทนรับจำนำทะเบียนรถ ระบุขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อหนี้จากแบงก์แห่งหนึ่ง คาดเริ่มติดตามหนี้ได้ภายใน 1 เม.ย.นี้ ปลอบใจผู้ถือหุ้นยันปีนี้มีกำไรแน่ พร้อมหารือจ่ายปันผลให้

นายรัตนชัย นันทปราโมทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)(NVL) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถยนต์น้อยลง และหันมาให้น้ำหนักกับการเข้าร่วมประมูลหนี้เสียมาบริหารมากขึ้น เนื่องจากพบว่าผลตอบแทนจากการเข้าไปรับบริหารหนี้ดีกว่าการรับจำนำทะเบียนรถ และในอนาคตหากบริหารหนี้ได้ดี ก็อาจจะยกเลิกธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถยนต์ก็ได้ โดยขณะนี้บริษัทได้เตรียมเงินสด500-600 ล้านบาทในการเข้าไปรับซื้อหนี้มาบริหาร

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ดำเนินธุรกิจดังกล่าวผ่านบริษัท เบลสซิ่ง แอสเสท เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของนวลิสซิ่ง ทำหน้าที่รับจ้างบริหารหนี้ให้กับสถาบันการเงินทั่วไป แต่ในปีนี้นวลิสซิ่ง เข้ามาลงทุนเอง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกลุ่มลูกหนี้ และเตรียมทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคารแห่งหนึ่ง คาดว่าจะเริ่มเข้าไปบริหารหนี้ดังกล่าวได้ก่อน 1 เม.ย.นี้ และบริษัทจะถือว่าธุรกิจบริหารหนี้นั้นเป็นธุรกิจหลักในปีนี้

"เราสมมุติว่าหนี้ที่ซื้อมาในราคา 20% หากตามเก็บหนี้มาได้ 40% ก็ได้กำไรแล้ว ซึ่งเราทำมาได้กว่า 1 ปีแล้วรู้ว่ายังมีศักยภาพที่ดีมากและจะทำได้อีกเยอะ และการขายประกันก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ทำได้ดี ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจนี้จะเข้ามาชดเชยรายได้จากธุรกิจเช่าซื้อที่หายไปกับรับจำนำทะเบียนรถที่แนวโน้มลดลงเพราะเศรษฐกิจไม่ดี"

นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการขายประกันชีวิตที่ร่วมกับบริษัทกรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต โดยได้จัดโครงการ NVL LIFE ขึ้น ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก เห็นได้จากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สามารถส่งพนักงานและผู้บริหารเข้าไปอบรมและได้รับในอนุญาตตัวแทนแล้วกว่า 100 คน และมียอดขายประกันชีวิตได้เบี้ยเข้ามาแล้วกว่า 2 ล้านบาท

สำหรับในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดเบี้ยประกันไว้ที่ระดับ 30 ล้านบาท ขณะที่ในปีหน้าตั้งเป้าเบี้ยประกันไว้ที่ 50 ล้านบาท จากการที่บริษัทได้ทำสัญญาทางการตลาดกับบริษัทกรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิตเอาไว้ 2 ปี โดยช่องทางการขายนั้นจะใช้สาขาของนวเอ็กเพรส ทั้ง 350 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกันนั้น ก็จะต้องเดินสายฝึกอบรมให้ตัวแทนนวเอ็กเพรสทั้งหมด

"ในส่วนของการขายประกันนั้น ยังไม่มีความร่วมมือใหม่ๆ เพราบริษัทได้ทำสัญญาไว้กับกรุงไทย-แอกซ่า 2 ปี นั่นหมายความว่าภายใน 2 ปีนี้นวลิสซิ่งจะต้องไม่ขายประกันให้กับบริษัทอื่น"

นายรัตนชัย กล่าวว่า ในช่วง 1-2ปีนี้ ธุรกิจลิสซิ่งต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจใหม่ เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยหันมาดำเนินธุรกิจในสิ่งที่สามารถควบคุมได้ อย่างกรณีของนวลิสซิ่งถือว่าได้ปรับรูปแบบแล้ว ด้วยการหันมาให้น้ำหนักกับการซื้อหนี้มาบริหาร และขายประกันชีวิต เพื่อให้รายได้ค่าธรรมเนียมในปีนี้เพิ่มเป็น 30% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 9% ที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ย70% และในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้เอาไว้ที่ 2,600 ล้านบาทจากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะมีกำไรแน่นอนเพราะได้ปรับยุทธศาสตร์การทำธุรกิจใหม่ หลังจากปีที่ผ่านมาบริษัทขาดทุน 120.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้รายใหญ่บริษัท ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC จำนวน 149.1 ล้านบาท แต่หากไม่นับการสำรองความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว บริษัทจะมีกำไรสุทธิประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2550 และในวันที่ 24 เม.ย.นี้ก็จะทำการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา และจะหารือกับผู้ถือหุ้นในเรื่องการจ่ายเงินปันผลด้วย เพราะปีที่ผ่านมาขาดทุนจึงไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us