|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
นวลีสซิ่งพลิกกลยุทธสู้วิกฤตเศรษฐกิจ รุกหันซื้อเอ็นพีแอลมาบริหาร-ขายประกัน แทนรับจำนำทะเบียนรถ ระบุขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อหนี้จากแบงก์แห่งหนึ่ง คาดเริ่มติดตามหนี้ได้ภายใน 1 เม.ย.นี้ ปลอบใจผู้ถือหุ้นยันปีนี้มีกำไรแน่ พร้อมหารือจ่ายปันผลให้
นายรัตนชัย นันทปราโมทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)(NVL) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถยนต์น้อยลง และหันมาให้น้ำหนักกับการเข้าร่วมประมูลหนี้เสียมาบริหารมากขึ้น เนื่องจากพบว่าผลตอบแทนจากการเข้าไปรับบริหารหนี้ดีกว่าการรับจำนำทะเบียนรถ และในอนาคตหากบริหารหนี้ได้ดี ก็อาจจะยกเลิกธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถยนต์ก็ได้ โดยขณะนี้บริษัทได้เตรียมเงินสด500-600 ล้านบาทในการเข้าไปรับซื้อหนี้มาบริหาร
ก่อนหน้านี้ บริษัทได้ดำเนินธุรกิจดังกล่าวผ่านบริษัท เบลสซิ่ง แอสเสท เซอร์วิสเซส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของนวลิสซิ่ง ทำหน้าที่รับจ้างบริหารหนี้ให้กับสถาบันการเงินทั่วไป แต่ในปีนี้นวลิสซิ่ง เข้ามาลงทุนเอง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกลุ่มลูกหนี้ และเตรียมทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคารแห่งหนึ่ง คาดว่าจะเริ่มเข้าไปบริหารหนี้ดังกล่าวได้ก่อน 1 เม.ย.นี้ และบริษัทจะถือว่าธุรกิจบริหารหนี้นั้นเป็นธุรกิจหลักในปีนี้
"เราสมมุติว่าหนี้ที่ซื้อมาในราคา 20% หากตามเก็บหนี้มาได้ 40% ก็ได้กำไรแล้ว ซึ่งเราทำมาได้กว่า 1 ปีแล้วรู้ว่ายังมีศักยภาพที่ดีมากและจะทำได้อีกเยอะ และการขายประกันก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ทำได้ดี ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจนี้จะเข้ามาชดเชยรายได้จากธุรกิจเช่าซื้อที่หายไปกับรับจำนำทะเบียนรถที่แนวโน้มลดลงเพราะเศรษฐกิจไม่ดี"
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทจะหันมาให้ความสำคัญกับการขายประกันชีวิตที่ร่วมกับบริษัทกรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต โดยได้จัดโครงการ NVL LIFE ขึ้น ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก เห็นได้จากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สามารถส่งพนักงานและผู้บริหารเข้าไปอบรมและได้รับในอนุญาตตัวแทนแล้วกว่า 100 คน และมียอดขายประกันชีวิตได้เบี้ยเข้ามาแล้วกว่า 2 ล้านบาท
สำหรับในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดเบี้ยประกันไว้ที่ระดับ 30 ล้านบาท ขณะที่ในปีหน้าตั้งเป้าเบี้ยประกันไว้ที่ 50 ล้านบาท จากการที่บริษัทได้ทำสัญญาทางการตลาดกับบริษัทกรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิตเอาไว้ 2 ปี โดยช่องทางการขายนั้นจะใช้สาขาของนวเอ็กเพรส ทั้ง 350 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกันนั้น ก็จะต้องเดินสายฝึกอบรมให้ตัวแทนนวเอ็กเพรสทั้งหมด
"ในส่วนของการขายประกันนั้น ยังไม่มีความร่วมมือใหม่ๆ เพราบริษัทได้ทำสัญญาไว้กับกรุงไทย-แอกซ่า 2 ปี นั่นหมายความว่าภายใน 2 ปีนี้นวลิสซิ่งจะต้องไม่ขายประกันให้กับบริษัทอื่น"
นายรัตนชัย กล่าวว่า ในช่วง 1-2ปีนี้ ธุรกิจลิสซิ่งต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจใหม่ เพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตที่เกิดขึ้น โดยหันมาดำเนินธุรกิจในสิ่งที่สามารถควบคุมได้ อย่างกรณีของนวลิสซิ่งถือว่าได้ปรับรูปแบบแล้ว ด้วยการหันมาให้น้ำหนักกับการซื้อหนี้มาบริหาร และขายประกันชีวิต เพื่อให้รายได้ค่าธรรมเนียมในปีนี้เพิ่มเป็น 30% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 9% ที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ย70% และในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดสินเชื่อคงค้างสิ้นปีนี้เอาไว้ที่ 2,600 ล้านบาทจากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะมีกำไรแน่นอนเพราะได้ปรับยุทธศาสตร์การทำธุรกิจใหม่ หลังจากปีที่ผ่านมาบริษัทขาดทุน 120.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้รายใหญ่บริษัท ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC จำนวน 149.1 ล้านบาท แต่หากไม่นับการสำรองความเสี่ยงดังกล่าวแล้ว บริษัทจะมีกำไรสุทธิประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2550 และในวันที่ 24 เม.ย.นี้ก็จะทำการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา และจะหารือกับผู้ถือหุ้นในเรื่องการจ่ายเงินปันผลด้วย เพราะปีที่ผ่านมาขาดทุนจึงไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้
|
|
|
|
|