และแล้วเราก็มาถึงยุคที่สามารถใช้โทรศัพท์ติดต่อกันได้โดยไม่ต้องพึ่งบริการของบริษัทโทรศัพท์
รายละเอียดตีพิมพ์อยู่ในนิตยสาร Wired ฉบับเดือนมิถุนายน โดยกล่าวถึงเทคโนโลยี
voice over Wi-Fi ว่า สามารถทำให้ธุรกิจของบริษัทโทรศัพท์เคลื่อนที่สั่นสะเทือนได้เหมือนกัน
เป็นผลพวงจากพัฒนาการด้านโทรคมนาคมล่าสุดสองแขนงด้วยกันคือ voice over IP
และ wireless broadband
voice over Wi-Fi รุ่นแรกได้รับความนิยมทั้งในโรงพยาบาล โรงเรียน สนามบิน
และโรงงานทั่วสหรัฐอเมริกา และปัจจุบันมีกิจการบริษัทมากมายได้เปลี่ยนระบบโทรศัพท์ของตนมาเป็น
voice over IP เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การจะเพิ่ม Wi-Fi เข้าไปจึงทำได้ง่ายและรวดเร็ว
เห็นตัวอย่างได้จากบริษัท SpectraLink และ Symbol Technologies ที่เสนอ ขายโทรศัพท์มือถือ
802.11b ซึ่งทำงานร่วมกับระบบ voice over IP โดยในปี 2001 มียอดส่งมอบโทรศัพท์ดังกล่าว
20,000 เครื่อง และปีที่แล้วยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 เครื่อง
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ความต้องการตลาดโทรศัพท์ voice over IP (VoIP) ในสหรัฐอเมริกามีค่าเป็นศูนย์
แต่ปัจจุบันอยู่ในระหว่างใช้งานราว 3.5 ล้านเครื่อง ขณะเดียว กันจำนวนผู้ใช้ระบบ
Wi-Fi ก็เพิ่มจาก 2,000 เป็น 12,000 เครื่อง ในปีที่แล้ว เมื่อนำสองระบบนี้มารวมกันและต่อเชื่อมเข้ากับคอมพิวเตอร์ประเภทใดก็ได้
ก็จะกลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารด้วยเสียงทันที (voice communication device)
นิตยสาร Wired ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากระบบ voice over Wi-Fi ในทางการแพทย์ว่า
เมื่อคนไข้ที่ Anne Arundel Medical Center ต้องการมอร์ฟีนสำหรับระงับปวดก็ไม่จำเป็นต้องกดกริ่งเรียกพยาบาล
เพียงแต่โทรศัพท์เข้าเครือข่าย Wi-Fi ของโรงพยาบาลโดยตรง ส่วนปุ่ม page แบบเก่าก็ถูกนำมาปรับใหม่สำหรับเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือไร้สายของสต๊าฟ
ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของอาคารก็ตาม "คุณสามารถประเมินความต้องการของคนไข้ได้ทันทีจากโทรศัพท์นั้น"
Amy Chi พยาบาลประจำโรงพยาบาลใน Annapolis อธิบาย "คุณไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปในห้องคนไข้เพื่อถามความต้องการ"
ปัจจุบันมีบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายราย อาทิ Motorola, Avaya และ Proxim
ทุ่มลงทุนเพื่อผลิตโทรศัพท์ Wi-Fi ป้อนตลาดผู้บริโภคบ้าง และเมื่อเร็วๆ นี้
Hewlett-Packard และ Transat Technologies ก็ประกาศแผนงานคล้ายคลึงกันสำหรับเทคโนโลยีท้าทายนี้