|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บ้านปูเร่งศึกษาความเป็นไปได้โครงการพลังงานทดแทนทั้งเอทานอลและพลังงานลม คาดจะเห็นความชัดเจนได้ในปลายปีนี้หรือต้นปี53 หลังวางนโยบายใช้เงินลงทุน 2%ของสินทรัพย์รวม หรือคิดเป็น 1.5-1.6 พันล้านบาท ขณะเดียวกันเร่งขายถ่านหินล่วงหน้าปี2553-2554 หลังราคาผูกกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่สู้ดี
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการลงทุนพลังงานทดแทนว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนพลังงานทดแทนทั้งพลังงานลมและการผลิตเอทานอลโดยใช้โมลาสเป็นวัตถุดิบ คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในปลายปีนี้หรือต้นปี 2553 ซึ่งรูปแบบการลงทุนอาจจะเป็นการร่วมลงทุนหรือลงทุนเองทั้งโครงการขึ้นอยู่กับความเหมาะสม แต่โครงการดังกล่าวจะต้องให้ผลตอบแทนที่ดี โดยไม่เป็นภาระให้กับบ้านปู
ทั้งนี้ บริษัทฯวางนโยบายที่จะลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนคิดเป็น 2%ของสินทรัพย์รวม โดยเม็ดเงินลงทุนนี้จะปรับเปลี่ยนแปลงไปตามสินทรัพย์ คาดว่าจะลงทุนประมาณ 1,500-1,600ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่จะลงทุนประมาณ 1,200 ล้านบาท
"สาเหตุที่ให้ความสนใจธุรกิจพลังงานทดแทน เนื่องจากดูเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) การต่อยอดเทคโนโลยี และเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป ยอมรับโครงการผลิตเอทานอลมีคนทำเยอะ ทำให้ภาพรวมตลาดล้น หากจะลงทุนต้องใช้เงินประมาณ 700-800 ล้านบาท ซึ่งกำลังศึกษาตลาดอยู่ ขณะที่พลังงานลมได้มีข้อมูลผลศึกษาก่อนหน้านี้ ทางบริษัทก็จะดูรายละเอียดข้อมูลก่อนศึกษาเพิ่มเติม รวมทั้งหาพื้นที่ที่เหมาะสมซึ่งจะใช้เวลาหลายปี เพราะขนาดโครงการต้องใหญ่ "
นายชนินท์ กล่าวต่อไปว่า จากทิศทางราคาน้ำมันที่ค่อนข้างผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่หดตัวลง ทำให้ราคาถ่านหินในช่วงนี้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯมากนักเนื่องจากมีการทำสัญญาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้าปีนี้ไปแล้ว57% ส่วนอีก 14%ได้ทำสัญญาขายแต่ราคาขายขึ้นอยู่กับดัชนีที่จะเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาที่ส่งมอบถ่านหิน อีก14%ได้มีการตกลงซื้อขายแต่ยังไม่กำหนดราคา คงเหลืออีก 15%ที่จะขายเป็นราคาตลาดจร
ดังนั้นสิ่งที่บริษัทฯเข้ามาดูแลมากขึ้นคือการขายถ่านหินล่วงหน้าปี 2553-2554 เนื่องจากราคาถ่านหินเป็นไปได้หลายอย่าง โดยราคาจะอ่อนตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ โดยส่วนใหญ่ลูกค้าหลักจะเป็นโรงไฟฟ้า ซึ่งต้นทุนค่าไฟจะต่ำกว่าโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯหรือน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทฯได้มีการทำสัญญาขายล่วงหน้าปี2553ไปบ้างแล้ว
"ที่ผ่านมา บ้านปูก็มีการขายถ่านหินล่วงหน้าในปีหน้าและปีถัดไป เพียงแต่ไม่เร่งรีบมากนัก แต่ปีนี้บริษัทฯจะเข้ามาดูแลเร่งขายถ่านหินล่วงหน้าเร็วขึ้น แต่การขายล่วงหน้าไม่ง่าย เพราะผู้ซื้อบางรายไม่อยากล็อกราคา รวมทั้งปรับลดต้นทุนการผลิตลง รวมถึงพิจารณาความต้องการใช้ถ่านหินในอนาคต เพื่อวางแผนรองรับ ประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤต โดยภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ยังดูไม่ออก"
|
|
|
|
|