|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
พรานทะเล รับมือพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนลดความถี่ซื้อสินค้า หลังเศรษฐกิจพ่นพิษอัดกลยุทธ์ลด แลก แจก แถม ลากยาวถึงไตรมาส 2 ปั้นสินค้าใหม่ ราคาถูก สะดวก ลงตลาดปลายปีนี้ หวังขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ ดึงธุรกิจฟู้ดส์ เซอร์วิส จากบริษัทแม่ทำตลาดในประเทศแทน ปรับตัวลดงบตลาดเหลือเป็น 30 ล้านบาท สิ้นปีโต 40% กวาด 4,200 ล้านบาท
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็งพรานทะเล เปิดเผยว่า นโยบายการตลาดพรานทะเลปีนี้วางกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ไม่ยกเว้นแม้กระทั่งสินค้าอาหาร ซึ่งจากการสำรวจจุดจำหน่ายของบริษัทพบว่า ความถี่ในการซื้อสินค้าน้อยลง แต่ปริมาณการซื้อยังเท่าเดิม และพบว่า พฤติกรรมผู้บริโภคต้องการจ่ายเม็ดเงินการซื้อสินค้าเท่าเดิม แต่ต้องการสินค้ามีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นปีนี้บริษัทเน้นการวางราคาสินค้าให้เหมาะสมกับสภาพตลาดมากยิ่งขึ้น โดยเน้นกลยุทธ์ ลด แลก แจก แถม มีด้วยกัน 2 รูปแบบ ได้แก่ 1.ลดราคาสินค้าลง แต่จำหน่ายในปริมาณเท่าเดิม หรือ 2.จำหน่ายราคาเท่าเดิม แต่เพิ่มปริมาณมากขึ้น ล่าสุดบริษัทได้นำร่องลดราคาสินค้าอาหารพร้อมทานข้าวผัดปู จากราคา 59 บาท เหลือเป็น 49 บาท ส่วนคลิ๊กอาหารพร้อมรับประทานแบบซองกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรืออาหารกึ่งสำเร็จรูป ได้เพิ่มปริมาณ 40% แต่จำหน่ายราคาเดิม คือ 16 บาท พร้อมทั้งยังได้แถมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคลิ๊ก 1 ซอง และจัดกิจกรรมชิงโชคชิงทองคำ 1 กก.
“บริษัทจะดำเนินการตลาดเชิงรุก ลด แลก แจก แถม ตั้งแต่ต้นปีกระทั่งถึงไตรมาส 2 เพราะขณะนี้ความต้องการของตลาดชะลอตัวลง จากนั้นจะพิจารณาถึงผลตอบรับอีกครั้งหนึ่ง และมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจน่าจะกลับมาดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 โดยวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จะไม่ส่งผลกระทบลากยาวไปจนถึง 2-3 ปี”
นายอนุรัตน์ กล่าวว่า ช่วงปลายปีนี้บริษัทเปิดตัวสินค้าใหม่ มุ่งเน้นตอบโจทย์ด้านการวางราคาที่ถูก สะดวก รวดเร็ว และขณะเดียวกันยังขยายกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น จากปกติฐานลูกค้าหลักกลุ่มอาหารพร้อมปรุงเป็นกลุ่มระดับไฮเอนด์ ส่วนอาหารพร้อมทาน กลุ่มเป้าหมายทั่วไป ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาและวิจัยสินค้า ส่วนคลิ๊ก บริษัทปรับการสื่อสารใหม่ เน้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนักศึกษาหรือคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น จากเดิมการสื่อสารในช่วงแรกมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพสินค้าเป็นหลัก
พร้อมกันนี้บริษัทยังโยกการทำตลาดธุรกิจฟู้ดส์ เซอร์วิส หรือธุรกิจบริการส่งอาหารทะเลให้กับภัตราคาร โรงแรม หรือเชนร้านอาหาร ฯลฯ จากบริษัทแม่มาทำตลาดภายในประเทศเอง ส่วนตลาดต่างประเทศบริษัทแม่ยังเป็นผู้ทำตลาด ทั้งนี้เพื่อให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น และขณะเดียวกันยังเป็นการลดต้นทุนการจัดการต่างๆ ด้านงบการตลาดโดยรวมปีนี้บริษัทวางไว้ 30 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมาใช้ราว 100 ล้านบาท โดยบริษัทเน้นการทำบีโลว์เดอะไลน์ หรือการจัดกิจกรรม ณ จุดขาย มากกว่าการทำอะโบฟเดอะไลน์
สำหรับตลาดรวมอาหารแช่แข็งมูลค่า 3,500 ล้านบาท ปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโต 20-30% แบ่งเป็น ตลาดอาหารพร้อมทาน 3,000 ล้านบาท พรานทะเล ซีพีเอฟ และเอสแอนด์พี ผลัดกันขึ้นเป็นผู้นำตลาด โดยปัจจุบันพรานทะเลมีส่วนแบ่ง 22-23% และอาหารพร้อมปรุง 500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 80-90% ส่วนตลาดซูชิมูลค่า 500 ล้านบาท พรานทะเลมีส่วนแบ่ง 80-90% สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 40% หรือมีรายได้เพิ่มจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 4,200 ล้านบาท โดยการเติบโตมาจากการโยกธุรกิจฟู้ดส์ เซอร์วิสจากบริษัทแม่มาทำตลาดเอง
|
|
|
|
|