Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 มีนาคม 2552
จ่อรีดภาษีชา-กาแฟ-ชูกำลังบิ๊ก"กระทิงแดง-โออิชิ"ต้าน             
 


   
search resources

Auditor and Taxation
Soft Drink




เตรียมเก็บภาษี "ชา – กาแฟ – เครื่องดื่มบำรุงกำลัง" รมช.คลังเผยข้อเสนอกรมสรรพสามิต เหตุเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย-ทำลายสุขภาพ เตรียมเรียกผู้ประกอบการถกก่อนออกเป็นประกาศกระทรวงฯ ดันยอดภาษีบาป 3 หมื่นล้าน ส่วนผลสรุปภาษีซานติก้าไม่คืบ สั่งยืดเวลาให้คณะกรรมการตรวจสอบไปอีก 30 วัน ดึงดีเอสไอร่วมทีมเพิ่มอำนาจสอบคนนอกได้ บิ๊ก "กระทิงแดง-โออิชิ" ค้าน ชี้ซ้ำเติมผู้ประกอบการ-ผู้บริโภค ขณะที่ รมว.สธ.ชงคุมขายเหล้าช่วงสงกรานต์ 3 วัน เล็งยกเว้นในโรงแรม

นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตได้เสนอแนวทางการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้ากลุ่มที่ทำลายสุขภาพ โดยเฉพาะเครื่องดื่มสำเร็จรูปประเภทชา กาแฟและเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพื่อชดเชยรายได้จากภาษีของรัฐบาลที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในขณะนี้ โดยจะเชิญผู้ประกอบการสินค้าทั้ง 3 ประเภทเข้ามาหรือเพื่อหาแนวทางการจัดเก็บที่ทุกฝ่ายยอมรับ

การเก็บภาษีของสินค้าประเภททำลายสุขภาพดังกล่าวกรมสรรพสามิตสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องขอมติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่อย่างใด โดยสามารถออกประกาศเป็นกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการจัดเก็บภาษีในส่วนนี้ จากการประเมินการจัดเก็บรายได้ภาษีบาปที่จะดำเนินการครั้งใหม่นี้จะทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีในส่วนนี้เพิ่มขึ้นทันที 3 หมื่นล้านบาทในปีงบประมาณ 2552

“ได้ให้แนวทางในการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในภาษีบาปหรือ SIN TAX โดยเน้นในกลุ่มที่เป็นสินค้าทำลายสุขภาพและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะที่เป็นเครื่องดื่มบรรจุกระป๋อง และขวดที่วางจำหน่ายตามตู้ในร้านค้าทั่วไปที่จะทำให้ระบบจัดเก็บมีความชัดเจนและรอบคอบมาก ซึ่งจะขอหารือกับผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าในกลุ่มนี้ก่อนประกาศเป็นกฎกระทรวง” นพ.พฤฒิชัยกล่าว

สอบภาษีซานติก้าเจอโรคเลื่อน

สำหรับการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการเสียภาษีสรรพสามิตสถานบริการกรณีซานติก้าผับ โดยให้นายสถิต ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานนั้น นพ.พฤฒิชัยกล่าวว่า หลังครบกำหนด 15 วันนายสถิตได้ยื่นจดหมายเพื่อชี้แจงว่าอำนาจในการตรวจสอบของคณะกรรมการมีจำกัดไม่สามารถเรียกผู้เกี่ยวข้องที่เป็นบุคคลภายนอกเข้ามาสอบสวนได้ ประกอบกับระยะเวลาในการตรวจสอบที่กำหนดไว้ 15 วันกระชั้นชิดเกินไปจึงขอให้พิจารณาทบทวนการสอบสวนเรื่องนี้อีกครั้ง

ซึ่งจากการชี้แจงดังกล่าวนั้นได้ตัดสินใจขยายเวลาการสอบสวนออกไปอีก 30 วันเพื่อให้สอดคล้องกับกรมสรรพสามิตที่ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าวเช่นกัน โดยการพิจารณาตัดสินใจจะยึดคณะกรรมการชุดของนายสถิตเป็นหลัก นอกจากนี้ยังได้ตั้งเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการสอบสวนด้วยและยังเพิ่มอำนาจในการเรียกตัวบุคคลภายนอกเข้ามาให้ข้อมูลได้เพิ่มขึ้น

“ในระหว่างที่คณะกรรมการชุดนายสถิตดำเนินการตรวจสอบนั้นกรมสรรพสามิตก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาด้วยเช่นกัน โดยได้ส่งจดหมายมายังคณะกรรมการชุดนายสถิตเพื่อให้พิจารณาผลการสอบสวนของกรมสรรพสามิตประกอบด้วย จึงได้ตัดสินใจขยายเวลาให้อีก 30 วันและเพิ่มอำนาจการตรวจสอบเพิ่มขึ้น ซึ่งในระยะเวลา 30 วันนี้ทุกอย่างจะต้องมีความชัดเจนว่าจะเก็บภาษีซานติก้าผับหรือไม่และมีใครบ้างที่จะต้องรับผิดชอบการเลี่ยงภาษีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้” นพ.พฤฒิชัยกล่าว

เอกชนอ้อนรัฐคิดให้รอบคอบ

นายสานิต หวังวิชา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางการปรับภาษีกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังเพิ่มขึ้น หรือปรับภาษีนำเข้าวัตถุดิบแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม อยากให้ภาครัฐพิจารณาถึงการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังด้วยว่า สภาพตลาดมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท เริ่มอิ่มตัวและเติบโตน้อยมาก ปีนี้คาดว่าโตไม่ถึง 1% ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำตลาดยากลำบากด้วยข้อจำกัดต่างๆ นาๆมากพอแล้ว

ปัจจุบันเครื่องดื่มชูกำลัง มีการนำเข้าวิตามินบางชนิดมาเป็นส่วนประกอบ แต่ขณะนี้ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ว่า เสียภาษีนำเข้าเท่าไร คงต้องเช็ครายละเอียดกันอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามการที่ภาครัฐปรับภาษีเพิ่มขึ้น อาจมีผลทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น และสินค้าต้องปรับตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ในภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย คงไม่มีผู้ประกอบการรายใดต้องการปรับราคาสินค้า

ด้านนายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากรัฐมีนโยบายที่จะจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มเพิ่มเติม ย่อมส่งผลกระทบในภาพรวมทั้งหมดแน่นอน เพราะทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น และคงไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่จะทนแบกรับภาะระเอาไว้โดยที่ไม่จำเป็น จึงต้องไปเพิ่มราคาขายขึ้นให้เป็นไปตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้บริโภคก็จะเดือดร้อนอีกเพราะต้องซื้อของที่แพงขึ้น และเมื่อสินค้าขายได้น้อยลงก็กระทบกับอุตสาหกรรม ซึ่งที่ผ่านมา เราก็เสียภาษีแวตอยู่แล้ว 7%และไปเสียภาษีกำไรสุทธิอีกตอนหลัง

“จริงๆ แล้วรัฐควรจะหันมาสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยการให้การสนับสนุนภาคเกษตรในการปลูกวัตถุดิบในการผลิตต่างๆเช่น ใบชา เป็นต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีต้นทุนที่ต่ำลงสามารถต่อสู้กับต่างประเทศได้ ดังนั้นจึงอยากจะวอนให้ภาครัฐช่วยพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะมีการปรับภาษีอะไรขึ้นมาอีก” นายตันกล่าว

สธ.ชงคุมขายเหล้าสงกรานต์ 3 วัน

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการหารือเกี่ยวกับมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์กับนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เบื้องต้นจะเสนอใช้มาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบตลอดทั้งวัน รวม 3 วัน คือระหว่างวันที่ 12 -14 เมษายน ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม สธ. จะต้องเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมีกรรมการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอื่นอีก 7 กระทรวง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอกำหนดวันประชุมจากนายกรัฐมนตรี

"ที่ผ่านมายังไม่เคยหารือเรื่องการห้ามขายเหล้า เบียร์ ช่วงสงกรานต์กับนายกฯ เลยจึงไม่ทราบว่าท่านมีความเห็นอย่างไร แต่ได้คุยกับกระทรวงอื่นๆ บ้างแล้ว ซึ่งมีข้อท้วงติงบ้าง ว่า ไม่อยากให้กระทบกระเทือนกับการท่องเที่ยว โดยขอให้ยกเว้นโรงแรมในกรุงเทพฯ และโรงแรมในพื้นที่ท่องเที่ยว ให้สามารถขายเหล้า เบียร์ได้ตามปกติ เพราะคนที่กิน ดื่ม เป็นนักท่องเที่ยวที่พักอยู่ในโรงแรม และไม่มีรถขับ ซึ่งจะเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายฯ ต่อไป" นายวิทยา กล่าว

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า หากสธ. มีอำนาจตัดสินใจจะเสนอให้ออกมาตรการห้ามขายตลอดทั้ง 7 วัน เพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุลง หรือถ้าจะให้ดีอยากจะสั่งให้เลิกขาย เลิกผลิตเหล้า เบียร์ ไปเลย เพราะเป็นสิ่งไม่ดี แต่เรื่องนี้กระทบกับหลายฝ่าย จึงต้องพิจารณาให้รอบด้าน เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดที่สุด

ด้าน นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปผลการเปิดรับฟังความเห็นของภาคส่วนต่างๆ เพื่อเสนอให้นายวิทยา พิจารณา โดยจะเสนอเป็นมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็น 3 รูปแบบ คือ 1.ห้ามจำหน่าย 3 วัน ระหว่างในที่ 12-14 เมษายน 2.ห้ามจำหน่าย 4 วัน ระหว่างวันที่ 12-15 เมษายน และ3.ห้ามจำหน่าย 5 วัน ระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน ทั้งนี้ ห้ามจำหน่ายตลอดทั้งวัน และห้ามทั้งคนไทยและต่างชาติ โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะที่ปรึกษากฎหมาย ได้พิจารณาแล้วว่า หากยกเว้นให้ขายชาวต่างชาติได้ จะถือเป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญไทย เรื่องความเสมอภาค

“ส่วนข้อเสนอให้จัดโซนนิ่งให้สามารถขายเหล้า เบียร์ได้ในร้านอาหารในโรงแรม นั้น ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือกับคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร์ ได้ท้วงติงว่า เป็นไปยากและอาจเกิดโกลาหลได้ ซึ่งปัจจุบัน กฎหมายได้อนุโลมให้กับโรงแรมสามารถขายเหล้า เบียร์ ในส่วนของมินิบาร์ให้ห้องพักในโรงแรมอยู่แล้ว” นพ.สมาน กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us