|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เศรษฐกิจโลกทรุดหนัก กระทบเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจโตติดลบ 4% ต่ำสุดในรอบ 10 ปี หลังเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 41 ทำส่งออกลบ 15-20% ว่างงานพุ่งทะลุ 1.5 ล้านคน นักวิชาการแนะรัฐบาลอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 เน้นการลงทุนเพื่อให้เกิดการจ้างงาน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสรุปภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคไตรมาส 1 ปี 2552 และแนวโน้มปี 2552 ว่า มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2552 จะขยายตัวติดลบ 4% หรือต่ำสุดในรอบ 10 ปี นับจากปี 2541 ที่เศรษฐกิจขยายตัวติดลบ10.4% ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรุนแรงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ทำให้การส่งออกสินค้าไทยปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวติดลบ 15-20% ส่งผลให้อัตราการว่างงานอาจพุ่งถึง 1.5 ล้านคน
“เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างแท้จริง โดยประเมินว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้อาจขยายตัวติดลบ 1-2% โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ มีแนวโน้มเศรษฐกิจติดลบ กว่าจะฟื้นตัวคงเป็นช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า ขณะที่ตลาดยุโรปและญี่ปุ่น มีแนวโน้มเศรษฐกิจหดตัวหนักเช่นกัน ส่งผลต่อการส่งออกไทยคาดว่าจะติดลบและมีปัญหาเรื่องการว่างงานตามมา” นายธนวรรธน์กล่าว
นายธนวรรธน์กล่าวว่า รัฐบาลได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกออกมาแล้ว โดยอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไทย 1.13 แสนล้านบาท ผ่านมาตรการ เช่น แจกเงินให้กับผู้มีรายได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท คนละ 2,000 บาท การดูแลสินค้าเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม ใช้งบ 1 แสนล้านบาท แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะเศรษฐกิจโลกรุนแรงกว่าที่คิด จึงจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองเข้ามาช่วย ด้วยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณขององค์กรส่วนปกครองท้องถิ่น (อปท.) และเร่งรัดโครงการลงทุนในส่วนรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้การตั้งงบประมาณขาดดุลเพิ่มเติม เพียงแต่รัฐบาลค้ำประกันให้กับหน่วยงานที่มีการลงทุน
“การกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรก ไม่ได้หมายความว่าล้มเหลว ถือว่าทำถูกวิธีในการพยุงเศรษฐกิจเอาไว้ เพียงแต่เศรษฐกิจโลกรุนแรงกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เยอะ ทำให้การพยุงเอาไม่อยู่ ต้องมีมาตรการรอบสองเข้ามาช่วย และต้องเน้นการกระตุ้นให้ตรงจุดผ่านการลงทุน เพิ่มช่วยให้คนตกงานมีรายได้” นายธนวรรธน์ กล่าว
นายธนวรรธน์กล่าวว่า หากรัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองออกมา คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น โดยทั้งปีคาดว่าจะขยายตัวติดลบ 1% หรือไม่ขยายตัวเลย อัตราการว่างงานจะลดลงเหลือ 1.3 ล้านคน หรือน้อยกว่า ซึ่งขึ้นอยู่กับมาตรการช่วยเหลือด้านแรงงานของรัฐบาลที่จะมีการอบรมสร้างอาชีพให้กับผู้ตกงาน โดยต้องทำให้เร็ว เพราะไตรมาส 2 หรือเดือนพ.ค.-มิ.ย. จะเป็นช่วงที่มีคนตกงานมากสุดถึง 1.3 ล้านคน จากแรงงานว่างงานอยู่แล้วที่ 7 แสนคน และนักศึกษาจบใหม่อีก 6-7 แสนคน
สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาคนตกงาน รัฐบาลจะต้องเข้ามาอบรมอาชีพสร้างงาน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลมีโครงการรองรับแรงงานว่างงาน 5 แสนราย และจะต้องเร่งให้เกิดการลงทุนในไตรมาส 3 จะทำให้แรงงานว่างงานลดลงเหลือประมาณ 1 ล้านคนได้
นายธนวรรธน์กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยรายภูมิภาค จากการสำรวจพบว่า เศรษฐกิจทุกภูมิภาคในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ชะลอตัวหมด โดยภูมิภาคที่เป็นปัญหามากสุด คือ ภาคกลาง กทม.และปริมณฑล เนื่องจากมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกมาก ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก โดยทั้งปีคาดว่าเศรษฐกิจของภาคกลาง จะติดลบมากสุด คือ ลบ 1.9% รองลงมาเป็นกทม.และปริมณฑล ลบ 1.3% ภาคเหนือขยายตัว 0.2% ภาคใต้ 0.5% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 0.6% และทุกภูมิภาคมีสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจไตรมาส 4 หรือ ต้นปีหน้า
“แนวโน้มเศรษฐกิจไทยรายภูมิภาค พบว่าได้รับผลกระทบการชะลอตัวของภาคส่งออก หนักเบาขึ้นอยู่กับว่าภาคใดที่มีอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกับการส่งออกมากกว่ากัน และยังเป็นผลจากยอดนักท่องเที่ยวที่ลดลง และความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนและสัญญาณการบริโภคยังชะลอตัวต่อไป” นายธนวรรธน์กล่าว
|
|
|
|
|