Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน6 มีนาคม 2552
ตลท.ปรับพอร์ตลงทุนรับปี52             
 


   
www resources

โฮมเพจ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Investment




“บอร์ด”ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับพอร์ตลงทุนปี52 เพิ่มสัดส่วนลงทุนหุ้น และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ด้วยกลยุทธ์ทยอยเข้าเก็บของถูก หวังรับผลตอบแทนที่ 6% ภายใต้เงื่อนไขดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 500 จุด จากปี 51ขาดทุน7% ส่งผลให้เงินลงทุนหดเหลือ 9 พันล้านบาท จาก1.1หมื่นล้านบาท ด้าน“ภัทรียา” เชื่อก.ล.ต.ปรับP/E ใหม่ทำให้บริษัทจดทะเบียนติดเทิร์นโอเวอร์ลิสง่ายขึ้น ขณะที่“ เก่งกล้า” เตรียมดันบจ.ให้ได้คะนแนCGมากขึ้น และเตรียมคลอดเอ็มเอไอ แมทชิ่งฟันด์1กองทุนในปีนี้

นางนารี บุญธีรวร ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งเป้าผลตอบแทนการลงทุนปี 2552 อยู่ที่ 6% จากเงินลงทุนรวม 9,000 ล้านบาท ภายใต้สมมุติฐานดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 500 จุด โดยการลงทุนปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ยากจากภาวะตลาดหุ้นไม่ดี มีความผันผวนในทิศทางที่ปรับตัวลดลง ซึ่งจะต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด และจะมีการทบทวนสัดส่วนการลงทุนทุก 3 เดือน โดยสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ 20%ในทุกสัดส่วนการลงทุน

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯเชื่อว่า การลงทุนในหุ้นยังมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วง 3-5 ปี ซึ่งจากการประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้อนุมัติให้มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ 50% ซึ่งลดลงจากปี2551ที่มีสัดส่วน 61% และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพิ่มเป็น 42% จากเดิม 40% แต่ปัจจุบันลงทุนอยู่ 33% พร้อมกับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็น 5% จากปี 2551 ที่มี 4% แต่ปัจจุบันลงอยู่ที่3% และลดการลงทุนในต่างประเทศเหลือ 3% จากปีก่อนที่ 6%

“ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากในการลงทุน ซึ่งจะต้องมีการติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิดจากภาวะตลาดไม่ดี ดัชนีมีความผันผวนในช่วงขาลงและยังมีข่าวร้ายออกมาต่อเนื่องและยังไม่หมด จากวิกฤตการเงินโลกที่กระทบตลาดหุ้นไทย แต่ในข่าวร้ายนี้ก็ยังมีข่าวดี ซึ่งเรายังมองว่าจากตลาดหุ้นขาลงยังเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในหุ้น โดยเฉพาะการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง ถึงปีหน้า จะสามารถทำกำไรในช่วง 3-5 ปีได้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯจะทยอยลงทุนไปเรื่อยๆเพราะมองว่าดัชนี 400จุด นั้นมีดาวไซด์แล้ว ”นางนารี กล่าว

สำหรับผลอตอบแทนการลงทุนในปี 2551 พบว่าติดลบกว่า 7% แต่ถือว่าติดลบน้อยกว่าการลดลงของตลาดที่ติดลบ 20% ส่งผลให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนลดลงเหลือ 9,000 ล้านบาท จาก 11,000 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุจากราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลงไป แต่การลงทุนในตราสารหนี้ยังให้ผลตอบแทนถึง4-5% โดยขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯจะเริ่มที่จะทยอยการลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น ด้วยการให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) 3 แห่งในการบริหารพอร์ตคือ บลจ.วรรณ บลจ.ทิสโก้ และบลจ.อยุธยา ดำเนินการ

นางนารี กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าในการพัฒนาที่ดินของตลาดหลักทรัพย์ฯที่รัชดาจำนวน 15 ไร่ นั้น ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯจะให้หน่วยงานเข้ามาเริ่มศึกษาในเดือนเมษายนนี้ ว่าจะมีการพัฒนาพื้นที่อย่างไร จะมีคอนโดมิเนียม โรงแรม อาคารให้เช่าหรือไม่ ซึ่งจะใช้เวลาในการศึกษา 6 เดือน และคาดว่าจัดทำเป็นแผนแม่บทได้ในเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นจะมีความชัดเจนในการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะใช้เงินในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว 5,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการหาพันธมิตรเข้ามาร่วมดำเนินการ

“เงินพัฒนาพื้นที่ป.กุ้งเผา 15 ไร่นั้น จะใช้เงินประมาณ 5 พันล้านบาท แต่ไม่ได้เป็นเงินของตลาดหลักทรัพย์ฯอย่างเดียวแต่จะเป็นเงินของพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาด้วย ”นางนารี กล่าว

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดหวังผลอตบแทนจากการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ที่บริเวณนอร์ธพาร์ค ที่จะเปิดทำการในกลางปีนี้ ประมาณ 10% ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯจะให้เช่าห้องเป็นประชุม โดยคาดว่าจะมีผลตอบแทนจากการเช่าประมาณ 4-5% ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯมีหนี้สินอยู่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ของบริษัทหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ฯมีทุนอยู่รวม 14,000 ล้านบาท

บจ.ติดเทิร์นโอเวอร์ลิสต์มากขึ้น

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า จากการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)มีการปรับการคำนวณปรับปรุงสูตรการคำนวณ P/E ratio ที่ใช้ประกอบกับ Turnover List โดยกำหนดให้กำไรสุทธิต้องไม่รวมกำไรจากเงินลงทุน เพื่อให้ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงกำไรที่ได้จากการประกอบธุรกิจปกติของบริษัทนั้น จะทำให้บริษัทมีการติด Turnover List ที่ง่ายมากขึ้น เพราะ ไม่มีการนำกำไรจากเงินลงทุนมารวม

ทั้งนี้จากการที่ภาวะตลาดหุ้นไทยซบเซาปีนี้ แต่จากการมีตราสารทางการเงินใหม่ออกมาเพิ่มขึ้น จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในปีนี้ที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าใหม่กับนักลงทุน และเจ้าหน้าที่การตลาดให้สามารถลงทุนและแนะนำการลงทุนแก่นักลงทุนให้อย่างถูกต้องและรู้ถึงความเสี่ยงในการลงทุน และสามารถที่จะจัดพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสมโดยการนำสินค้าต่างๆเข้ามาผสมผสาน และสามารถวางแผนในการลงทุนได้อย่างดี

คลอดแมทชิ่งฟันด์maiกลางปีนี้

นายเก่งกล้า รักเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน ศูนย์พัฒนาธุรกิจตลาด กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯคาดว่าในปีนี้คาดว่าจะสามารถตั้งกองทุนเพื่อการร่วมลงทุน (เวนเจอร์แคปปิตอล) ของบริษัท เอ็ม เอ ไอ แมทชิ่ง ฟันด์ จำกัด (mai Matching Fund Co.,Ltd.) ได้อย่างน้อย 1 กองทุน ประมาณกองละ 200 ล้านบาท โดยตลท.ร่วมลงทุน 100 ล้านบาท และบลจ.ไประดมทุนจากนักลงทุนอีก 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีสถาบันสนใจที่จะร่วมลงทุน 2-3ราย โดย ทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะร่วมลงทุน 50% ของมูลค่ากองทุนทั้งหมด 2,000 ล้านบาท และที่ผ่านมาบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯได้อนุมัติเงินร่วมลงทุนไปแล้ว 1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการผลักดันให้บริษัทจดทะเบียนที่ได้คะแนนธรรมาภิบาล(CG)ที่ 3 ดาว มีคะแนนมากขึ้น โดยปัจจุบันมีบริษัทที่ได้คะแนน 3 ดาวจำนวน 178 บริษัท ขณะที่มีต่ำกว่า 2 ดาวและ2 ดาวมีจำนวน 126 บริษัท โดยจะทำให้บริษัทดังกล่าวมีคะแนนมากขึ้น ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีเอแอสแอล ได้มีการประเมินCG ของบริษัทจดทะเบียนในเอเซียแปซิฟิก และในปี2551บจ.ไทยได้คะแนนCGที่ 63 คะแนนแต่ยังไม่ทราบอันดับต้องรอประมาณกลางปีนี้ ซึ่งในปี 2550 ไทยอยู่อันดับที่ 2 ได้คะแนนที่ 57 ขณะที่อันดับ1 คือญี่ปุ่นได้คะแนน 59 คะแนน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us