ในฐานะที่เป็นมัณฑนากรระดับโลก Christina Rodriguez จึงสอดส่ายสายตามองหาทำเลของสังคมเมืองที่เหมาะกับงานอาชีพของตนเป็นหลักอย่างเช่นที่บาร์เซโลนาและนิวยอร์ก แต่เมื่อต้องการสถานที่ที่สามารถเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจและทำให้ได้ผ่อนคลายจากความสับสนวุ่นวายของชีวิตเมือง เธอเลือกเกาะ Saint Barthelemy หรือที่รู้จักกันในวงการท่องเที่ยวทั่วโลกว่าเกาะ St. Bart ในทะเลแคริบเบียนเป็นแหล่งพักพิง ยิ่งเมื่อมีชีวิตครอบครัวพร้อมเรือพ่วงเป็นลูกชายแสนซนสองคนคือ Ivo วัย 6 ขวบและ Marco วัย 3 ขวบแล้ว Christina ยิ่งเห็นความสำคัญของการต้องเร่งปักหลักการใช้ชีวิตแบบสบายๆ ปราศจากแรงกดดันใดๆ แบบสังคมเมืองให้ได้

การแสวงหาบ้านแสนสุขให้กับครอบครัวของมัณฑนากรสาวเริ่มต้นตรงบริเวณชายหาดของ St. Bart นั่นเอง จุดนี้ทำให้เธอพบคำตอบว่าจะหาบ้านสักหลังบนเกาะเล็กๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกนั้นช่างยากเย็นแสนเข็ญเสียจริงๆ ส่วนใหญ่จะสร้างเป็นอสังหาริมทรัพย์สำหรับให้เช่าหรือไม่ก็สร้างบนเชิงเขา เพื่อการชมวิวอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่ Christina ต้องการคือ

"ดิฉันอยากได้บ้านที่สร้างบนพื้นราบและมีที่ให้เด็กได้วิ่งเล่นด้วย"

ในที่สุดเธอก็พบโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งสร้างจากคฤหาสน์สไตล์ Normandy สมัยศตวรรษที่ 17 พร้อมพื้นที่ราบบนชายหาด ด้านหน้ากว้างขวางถึง 3,000 ตารางเมตร เธอเล่าว่า

"นับจากวินาทีแรกที่ดิฉันเข้าไปยืนอยู่ในโรงแรมนั้น ดิฉันก็เกิดภาพในจินตนาการขึ้นมาทันทีว่าจะออกแบบให้หน้าตาออกมาเป็นอย่างไร"

เมื่อมีภาพในจินตนาการอย่างชัดเจนอย่างนี้ Christina จึงเริ่มลงมือดำเนินการได้อย่างรวดเร็วทันใจของตัวเองและอยู่บน หลักการที่ว่า เธอต้องการปกป้องประวัติศาสตร์และคุณภาพของตัวคฤหาสน์เอาไว้ จึงเลือกออกแบบตกแต่งภายในตัวอาคารที่มี อายุหลายศตวรรษเสียใหม่ให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่นได้อย่างกว้างขวางและเปิดโล่งซึ่งเป็นรูปแบบที่เหมาะกับครอบครัวสมัยใหม่มากกว่า ตัวอย่างเช่น เธอรื้อชั้นที่หนึ่งออกแล้วสร้างห้องสมุดบนชั้นลอยขึ้นมาแทนที่

ส่วนสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่แวดล้อมด้วยสวนเขียวครึ้มนั้นถือว่าเป็นพื้นที่หลักที่ให้ความรู้สึกสบายได้มากที่สุดสำหรับผังใหม่ของเธอซึ่งรวมถึงบ้านรูปทรงสไตล์พลับพลาอีก 7 หลังที่ผสมผสานการใช้พื้นที่ของห้องนอน ห้องน้ำ ห้องพักผ่อน บ้านริมสระว่ายน้ำ ห้องซักล้าง และโรงเก็บเครื่องมือ "จริงๆ แล้วโครงสร้างมันก็เหมือนบ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่ง เพราะมีสวนทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างตัวอาคารต่างๆ นั่นเอง"

เมื่อพูดถึงภายในตัวอาคาร Christina ก็ไม่ได้ทิ้งเอกลักษณ์ ของตัวเองไปเลยแม้แต่น้อยเห็นได้จากที่เธอเล่าว่า "ดิฉันจะออกแบบบ้านแต่ละหลังให้แตกต่างกันออกไป แต่คุณก็ยังจำสไตล์ ของดิฉันได้อยู่ดี นั่นคือ ความเรียบง่าย การใช้สีเทา และการผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกกับความร่วมสมัย"

การเลือกใช้สีเทากับห้องนั่งเล่นซึ่งปลูกสร้างอยู่ท่ามกลางภูมิอากาศร้อนจัดและมีแสงแดดแผดเปรี้ยงตลอดทั้งปีฟังดูออกจะแปลกไม่เบา แต่สำหรับ Christina แล้วเธอถือว่าเป็นการตัดสิน ใจได้อย่างสมบูรณ์เพราะ "จริงๆ แล้วคุณจะรู้สึกเย็นสบายขึ้นมาก เมื่อได้อยู่ในที่ร่ม ดิฉันคิดว่ามันช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายได้ดี กว่าสีขาวนะ เพราะเมื่ออยู่กลางแสงแดด สีขาวอาจให้ความรู้สึกรุนแรงได้มากกว่า และเพราะคฤหาสน์นี้เป็นอาคารขนาดใหญ่ มีเพดานสูง การทาสีขาวจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกำลังยืนลอยเคว้งคว้างอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง แต่ถ้าเป็นสีเทาคุณจะรู้สึกถึงความอุ่นสบายกว่ามาก"

วัสดุที่เลือกนำมาปูในส่วนของพื้นคือคอนกรีต ซึ่งนอกจากจะเย็นแล้วยังต้องการการซ่อมบำรุงน้อย นอกจากนี้ คอนกรีตยังเป็นวัสดุที่เหมาะกับบ้านที่มีโครงสร้างเปิดโล่งและต้องมีฝนสาดอยู่เสมออย่างเช่นในแถบแคริบเบียนนี้เป็นอย่างดี สำหรับพื้นที่ใช้สอยของเด็กๆ Christina เลือก ใช้คอนกรีตสีขาว ส่วนห้องนอนทุกห้องก็ทาสีขาวทั้งหมดเช่นกันเพราะ "มันทำให้คุณรู้สึกสดชื่นมากเวลาที่ตื่นนอนขึ้นมา"

Christina เน้นใช้ของตกแต่งสไตล์ร่วมสมัยและสไตล์ตะวันออกซึ่งเข้ากันได้ดีในแง่ของสีและเมื่อ มัณฑนากรคนเก่งไม่สามารถหาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่เหมาะสมได้สำหรับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ เธอก็ใช้วีธีออกแบบ ขึ้นมาเอง

สำหรับ Christina การจัดสวนก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อน กว่างานออกแบบตกแต่งภายใน เธอจึงให้น้ำหนักว่าเป็นจุดศูนย์รวมแห่งวิสัยทัศน์อันเฉียบคมของตัวเอง "เรามีต้นไม้ใหญ่อยู่แล้ว ในส่วนของต้นไม้อื่นๆ ดิฉันไปซื้อจาก Guadeloupe"

เมื่อโครงการบูรณะคฤหาสน์เก่าแก่อายุหลายศตวรรษนี้เสร็จสิ้นลงหลังจากใช้เวลายาวนานถึง 9 เดือน Christina ผู้เป็นเจ้าของอาคารและเจ้าของโครงการถอนใจด้วยความโล่งอกพร้อม กับเปรียบเทียบว่า "เหมือนตั้งท้องลูกคนหนึ่งค่ะ"

ชีวิตประจำวันของลูกน้อยแสนซนทั้งสองจึงแสนสุขจนน่าอิจฉาและเป็นไปตามจินตนาการของ Christina ผู้เป็นแม่ทุกอย่าง ทุกเช้าตรู่เด็กๆ จะออกไปวิ่งเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์บนชายหาด หรือไม่ก็เดินเก็บเปลือกหอยอย่างเพลิดเพลิน หลังจากนั้นในเวลาสายๆ พวกเขาก็เดินไปโรงเรียนที่อยู่ในละแวกนั้น ถ้าเป็นวันหยุดพวกเขาจะได้วิ่งเล่นในห้องพักผ่อนและริมสระน้ำทั้งวัน

"บ้านของเราเปิดกว้างและมีคนมาเยี่ยมเยียนเสมอไม่ขาดสาย แต่คุณก็ยังหาที่สงบๆ สำหรับปลีกวิเวกในบ้านของคุณเองได้เสมอนี่คะ"