|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ขณะที่ธนาคารทิสโก้และธนาคารกรุงศรีอยุธยาเลือกเติบโตด้วย Inorganic growth เพื่อผลักดันธุรกิจเช่าซื้อให้เติบโต แต่บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทยกลับเลือกที่จะโตด้วยตัวเอง เพราะมองว่าธุรกิจยังเสี่ยงในปีนี้
อิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด มองภาพรวมและยอดขายธุรกิจรถยนต์ในปีนี้ว่าค่อนข้างแย่และเขาเชื่อว่าตลาดรถยนต์จะลดลงถึง 20%
สัญญาณที่บ่งบอกว่าธุรกิจรถยนต์เริ่มไม่ดีเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี เพราะเดือนมกราคมที่ผ่านมายอดจำหน่ายรถยนต์ตกลงมา 25-30% ซึ่งอิสระบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจ
และจากการประเมินผลตัวเลขทางด้านการเงินของบริษัทเมื่อเดือนมกราคมพบว่า บริษัทมีหนี้สงสัยจะสูญ (เอ็นพีแอล) เพิ่มสูงขึ้น 2.44% จากปลายปีที่ผ่านมาเอ็นพีแอลอยู่ที่ 1.8%
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้บริษัทมีแผนตั้งรับไว้รัดกุมมากขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ปล่อยสินเชื่อไปเมื่อปลายปี 2551 จำนวน 28,000 ล้านบาท หรือมีจำนวนรถประมาณ 50,000-60,000 คัน
ด้วยจำนวนฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่บริษัทดำเนินงาน ทำให้บริษัทวางแผนธุรกิจปีนี้ค่อนข้างชัดเจนคือควบคุมและลดเอ็นพีแอล
บริษัทมีเป้าหมายที่จะควบคุมเอ็นพีแอลให้อยู่ที่ระดับ 1.8% และหนี้สูญ 0.2% และถ้าไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในระดับตัวเลขนี้ได้จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัททันที
จึงเป็นเหตุให้บริษัทได้จ้างผู้บริหารใหม่ สตีเฟน ผดุงสิทธิ์ ผู้อำนวยการดูแล บริหารคุณภาพสินทรัพย์ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
สตีเฟนมีประสบการณ์ในการดูแลคุณภาพสินเชื่อบุคคลและเครดิตการ์ดให้กับธนาคารซิตี้แบงก์มากว่า 15 ปี และธนาคารแห่งนี้มีชื่อเสียงในการติดตามทวงหนี้อย่างเข้มข้น
ประสบการณ์ของเขาจะถูกนำมาใช้กับบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด โดยเริ่มจากขยายทีมงาน Collection ทั้งพนักงานภายในและภายนอก
ทีมงาน Collection จะแบ่งการทำงานหลายส่วน โทรศัพท์หาลูกค้ากรณีเห็นสัญญาณฐานะการเงินของลูกค้าเริ่มไม่ดี ซึ่งทีมงานทำหน้าที่โทรหาลูกค้าจะเพิ่มเป็น 30 คนจากเดิมที่มี 20 คน
ส่วนทีมติดตามทวงหนี้จะจ้างบริษัท ภายนอกโดยแบ่งออกเป็น 7-8 ทีม และจะเริ่มทวงหนี้ทันทีหลังจากที่ลูกค้าเริ่มหยุดชำระเงินเป็นระยะเวลา 120 วัน
แต่ก่อนที่จะเกิดหนี้เสีย บริษัทจะจัดตั้งโปรแกรมเพื่อช่วยเหลือลูกค้าก่อนในเบื้องต้นเพื่อปรับขยายเวลา หรือลดจำนวน เงินชำระในแต่ละเดือนโดยจะเจรจาเป็นรายบุคคล
และใน 2-3 เดือนที่ผ่านมาลูกค้าเริ่มเข้ามาเจรจาเพื่อขอยืดหนี้เพิ่มขึ้น
แต่ที่ผ่านมาบริษัทได้ยึดรถจากลูกค้าที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ 100-150 คันต่อเดือน
รถที่ถูกยึดมาจะนำไปประมูล ซึ่งเป็นหนทางที่บริษัทไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเพราะบริษัทจะขาดทุนจากการขายประมูล ประมาณ 20% ต่อคัน
กลยุทธ์การติดตามหนี้ของบริษัทในปีนี้จะเห็นชัดเจนเพิ่มมากขึ้น แต่อิสระ ก็บอกว่าการทวงหนี้บริษัทจะต้องรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรด้วย
แม้ว่าบริษัทจะให้ความสำคัญติดตามหนี้มากขึ้นก็ตาม แต่ในส่วนของการขยายสินเชื่อใหม่ก็เป็นเป้าหมายหลักหนึ่งที่บริษัทได้คาดการณ์ไว้ว่าจะต้องให้บริการสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้นอีก 30,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สำหรับลูกค้ารายย่อย 1.2 หมื่นล้านบาท ลูกค้าองค์กร 3 พันล้านบาท สินเชื่อเพื่อเงินสด (K-car cash back) 5 พันล้านบาท และสินเชื่อสำหรับผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 1 หมื่นล้านบาท
ยุทธศาสตร์การเพิ่มสินเชื่อใหม่ บริษัทได้กำหนดให้ทำตลาดผ่านธนาคารสาขาของธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของธนาคารภายใต้แนวคิด เค-นาว
การทำตลาดกับฐานลูกค้าของธนาคารที่มีประวัติที่ดีอยู่แล้ว จะช่วยทำให้สามารถควบคุมคุณภาพลูกหนี้ได้ดี
จากการใช้กลยุทธ์ดังกล่าวบริษัทคาดว่าสินเชื่อใหม่จะมาจากการขายผ่านช่องทางธนาคารสาขาได้ 60% ส่วนที่เหลือ อีก 40% บริษัทจะทำตลาดเอง
สินเชื่อใหม่ที่บริษัทคาดหวังจากธนาคารสาขาเกือบ 2 หมื่นล้านบาทนั้น ธนาคารกสิกรได้สร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานโดยได้กำหนดรางวัลให้กับพนักงานที่ขายได้ ซึ่งรางวัลเป็นทั้งรายบุคคลและร่วมกันเป็นทีม
รางวัลที่ได้จะเป็นเงินพิเศษนอกเหนือจากค่าคอมมิชชั่นและการเพิ่มเงินเดือนรายปี ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวไม่ได้ใช้กับการขายระบบเช่าซื้อเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงบริการอื่นๆ ที่อยู่ในเครือของธนาคาร อาทิ ประกันชีวิต ซื้อขายหุ้น กองทุนต่างๆ
การเลือกเติบโตด้วยตนเอง หรือ organic growth ของบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ที่เดินตามยุทธศาสตร์รวมของ กลุ่มธนาคารกสิกรไทยที่เชื่อว่าจะไม่เกิดความเสี่ยงในการทำธุรกิจและยังเป็นการตอบโจทย์เค-นาวอีกด้วย
วิสัยทัศน์และภารกิจที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มทิสโก้และธนาคารกรุงศรีอยุธยา กับบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย ไม่สามารถอรรถาธิบายได้ว่าใครเลือกทางเหมาะสมที่สุด แต่ในแง่ของธุรกิจตัวเลขเป้าหมายเท่านั้นที่จะกำหนดว่าใครเหนือกว่ากัน
|
|
|
|
|