การกลับเข้ามาทวงส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจบัตรเครดิต ขณะที่ธุรกิจนี้กำลังมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงจากผู้เล่นรายใหม่จากต่างประเทศที่มีความได้เปรียบทางด้านเทคโนโลยี ทำให้บัณฑูร ล่ำซำ จำเป็นต้องเลือกใช้คนรุ่นใหม่ที่มิได้มีแนวคิดติดยึดอยู่กับกรอบเดิมๆ เป็นผู้นำทัพ
ปรวรรณ สุดศก เป็นคนที่บัณฑูรเลือก
ปรวรรณ ถือเป็น 1 ในทีมงานผู้บริหารรุ่นหนุ่ม-สาวเลือดใหม่ของธนาคารกสิกรไทย
ในยุคที่มีการปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อนำพาให้ธนาคารผ่านพ้นจากห้วงวิกฤติ
เธอถูกแต่งตั้งให้เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบัตรเครดิต เมื่อต้นปี
2544 ขณะที่อายุเพิ่งก้าวเข้าสู่เลขหลัก 3 ได้เพียง 1 ปี และมีอายุงานอยู่ในธนาคารกสิกรไทยเพียง
6 ปีเท่านั้น
ปรวรรณเป็นลูกสาวคนเล็กของชนะ รุ่งแสง อดีตรองประธานกรรมการ อำนวยการ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงที่ทำงานให้ธนาคารกสิกรไทยมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น
ในสังคมไทยคงห้ามไม่ได้ถ้าบางคนที่รู้จักพื้นฐานครอบครัวของปรวรรณ แต่ยังไม่รู้จักตัวตนของเธอดี
จะคิดว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วในหน้าที่การงานของเธออาจได้รับแรงสนับสนุนจากบิดา
แต่ในใจของเธอมิเคยคิดเช่นนั้น หนำซ้ำเธอกลับคิดตรงกันข้ามว่า ด้วยปัจจัยนี้ยิ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับเธอที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำการบ้าน
และทำงานให้หนักกว่าพนักงานคนอื่นๆ
"ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ต้องทำงานถึง 2 ทุ่ม 3 ทุ่มทุกวัน" เธอบอก
แม้แต่ในวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้จัดงานเปิดตัวบริการ
Platinum Signature ซึ่งเธอจำเป็นต้องลงมาร่วมงานด้วย ว่ากันว่าหลังงานเลิกเมื่อเวลา
3 ทุ่มกว่าๆ เธอยังต้องขึ้นไปนั่งทำงานต่ออีกพักใหญ่จึงจะได้กลับบ้าน
ปรวรรณมิได้เพียงแค่เติบโตเร็วในหน้าที่การงานเท่านั้น สมัยเรียนหนังสือเธอก็เรียนเร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
1 ปี
เธอจบชั้นมัธยม 3 จากโรงเรียนสาธิตฯ จุฬา และสอบเข้ามัธยมปลายสายวิทย์ที่โรงเรียนเตรียมอุดม
แต่เธอใช้เวลาเรียนที่นี่เพียง 2 ปี ก็สามารถสอบเทียบและเอ็นทรานซ์ติดคณะบัญชี
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เธอจบปริญญาตรีพ่วงด้วยดีกรีเกียรตินิยม ในปี 2531 และใช้เวลาอีก 2 ปี
เรียนต่อปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขาการเงินจากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์
ปรวรรณเริ่มต้นทำงานที่แรกในตำแหน่งพนักงานสินเชื่อทั่วไป บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ภัทรธนกิจ
ทำงานได้เพียงปีเศษก็ย้ายมาทำสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทเงินทุนเอกธนกิจ
ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทเงินทุนที่มีสินทรัพย์ใหญ่กว่าธนาคารแห่งนี้อยู่ในยุคเฟื่องฟูสุดๆ
"อยู่ที่นี่เคยได้รับโบนัสปีหนึ่งถึง 12 เดือน"
ด้วยความเป็นคนกระตือรือร้นต้องการเรียนรู้งานใหม่ๆ อยู่เสมอ หลังทำงานที่เอกธนกิจได้ประมาณ
2 ปี ปรวรรณได้เปลี่ยนงานอีกครั้ง โดยเข้ามาเป็นพนักงานในฝ่ายวาณิชธนกิจ
ธนาคารกสิกรไทย ยุคที่มีบุญทักษ์ หวังเจริญ เป็นผู้อำนวยการฝ่าย
"ตอนนั้นที่กสิกรไทยมีชื่อเสียงมากในเรื่องการออกหุ้นกู้ เราก็เห็นว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งใหม่
เป็นบริการทางการเงินที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่าสินเชื่อทุกประเภทที่เคยทำมาแล้ว
จึงย้ายมาที่นี่"
ปี 2538 ซึ่งเป็นปีแรกที่ปรวรรณเข้ามาเป็นพนักงานธนาคารกสิกรไทย เป็นช่วงที่ธนาคารแห่งนี้มีส่วนแบ่งการตลาดการเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้สูงเป็นอันดับ
1 มีลูกค้ารายใหญ่หลายราย เช่น บริษัทผลิตไฟฟ้า บริษัทผลิตไฟฟ้าระยอง บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน
ฯลฯ
เธอได้เรียนรู้งานเกี่ยวกับการออกหุ้นกู้ได้เพียง 2 ปี เมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
ภาระหน้าที่ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
วิกฤติเศรษฐกิจทำให้สถาบันการเงินของไทยต้องเริ่มตื่นตัวกับคำว่าการบริหารความเสี่ยง
ธนาคารกสิกรไทยเองก็ไม่แตกต่างจากสถาบันการเงินแห่งอื่นๆ ฝ่ายบริหารความเสี่ยงองค์การของธนาคารกสิกรไทยเพิ่งเริ่มจัดตั้งขึ้นในกลางปี
2541 โดยมีประสพสุข ดำรงชิตานนท์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายคนแรก
ประสพสุขเป็นนักเรียนทุนของธนาคาร และเป็นหัวหน้าโดยตรงของปรวรรณในฝ่ายวาณิชธนกิจ
เมื่อประสพสุขได้รับมอบหมายให้มาดูแลเรื่องการบริหารความเสี่ยง ปรวรรณได้ขอย้ายตามมาอยู่ด้วย
"มองว่าเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในอนาคต จึงขอคุณบุญทักษ์ย้ายมาทำตรงนี้
เริ่มต้นในฝ่ายก็ทำงานกับคุณประสพสุขอยู่เพียง 2 คน จนเกือบ 1 ปี จึงเริ่มมีคนเข้ามาเพิ่ม"
ด้วยความที่เป็นพนักงานรุ่นแรกของฝ่ายบริหารความเสี่ยงองค์การ ทำให้ปรวรรณได้มีโอกาสเรียนรู้หลักวิชาการบริหารความเสี่ยงของสถาบันการเงินอย่างช่ำชอง
เมื่อธนาคารกสิกรไทยจำเป็นต้องรุกในตลาดธุรกิจบัตรเครดิต ซึ่งจำเป็นต้องใช้หลักการบริหารความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแทบทุกด้าน
เธอจึงถูกบัณฑูร ล่ำซำ เลือกให้เข้ามาดูแลส่วนงานนี้
ปรวรรณบอกว่าตั้งแต่เรียนจบและได้ทำงานมาหลากหลายสายงาน ธุรกิจบัตรเครดิตเป็นงานที่เธอรู้สึกว่าสนุกที่สุด
เพราะเวลาที่ได้นำเสนองานใหม่ๆ ออกไป จะได้รับผลตอบสนองจากผู้บริโภคคืนมาอย่างรวดเร็ว
และเป็นรูปธรรม
ซึ่งเป็นลักษณะงานที่ทำให้เธอต้องใช้เวลานั่งคิด และสร้างสรรค์งานใหม่ๆ
อยู่ตลอดเวลา
ปัจจุบันปรวรรณอายุ 34 ปี แต่ด้วยวัยเพียงเท่านี้ เธอกลับได้มีโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมอยู่ในพลวัตของธุรกิจไทยทั้งในยุคเฟื่องฟูอย่างสุดขั้ว
จนมาถึงยุคตกต่ำสุดขีด "ตอนวิกฤติยังเคยนั่งมองกันเลยว่าหุ้นของบริษัทที่เราเคยมองว่าดี
ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้"
ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย บวกกับความรู้เรื่องการบริหารความเสี่ยง การที่ปรวรรณได้ขึ้นมาเป็นผู้นำในฝ่ายบัตรเครดิต
น่าจะมีส่วนช่วยให้การกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในธุรกิจนี้ของธนาคารกสิกรไทยเป็นไปด้วยความมั่นคงยิ่งขึ้น