Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 มีนาคม 2552
ปิดฉาก!ลดภาษีรถยนต์ก.อุตฯเบนเป้าขอเงินกู้             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงอุตสาหกรรม

   
search resources

กระทรวงอุตสาหกรรม
Auditor and Taxation




ยกธงขาว! กระทรวงอุตสาหกรรมเลิกขอลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์เหลือ 3% แต่ยังชงมาตรการช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ใน ครม.ศก.วันนี้ เล็งขอให้รัฐจัดหาเงินกู้แทน ระบุแก้ปัญหาตรงจุดกว่า เหตุคนไทยซื้อรถผ่อนมากถึง 80% ขณะที่ดีลเลอร์โวย "โตโยต้า-ฮอนด้า" 2ค่ายรถเล่นเกมกดดันรัฐบาลขอลดภาษีสรรพสามิต กักรถทั้งๆ ที่มียอดสั่งซื้อ อาจหวังผลอ้างยอดขายต่ำให้รัฐบาลช่วยเหลือ ด้านค่ายรถโต้กลับ รุ่น "วีออส-ซิตี้" ขายดี ไม่ทันส่งมอบ เพราะประเมินสภาพตลาดผิดพลาด

นายสรยุทธ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันนี้ (4 มี.ค.) กระทรวงอุตสาหกรรมยังยืนยันหลักการที่จะนำเสนอมาตรการช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ตามข้อเสนอที่เอกชนหารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม แต่จะมีการเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมในแต่ละข้อเสนอโดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการลดภาษีสรรพสามิต 3% นั้นกระทรวงอุตสาหกรรมได้คัดค้านตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อเอกชนยืนยันก็จะเสนอไปตามหน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เป็นหน่วยงานกลาง

จากการศึกษาพบว่า กรณีลดภาษีสรรพสามิต 3% กับรถยนต์ทุกประเภทนั้นจะลดราคารถได้ประมาณ 1.5 หมื่นบาทต่อคัน ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจึงไม่น่าจะช่วยให้กระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นได้ตามที่เอกชนเสนอมาจริง และจะเป็นการส่งเสริมรถยนต์ราคาแพงไปด้วย ประกอบกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่มีภาษีสรรพสามิตอยู่เช่น เครื่องปรับอากาศ แบตเตอรี่จะร้องเข้ามาขดลดภาษีฯด้วยซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาได้

“เราเองก็แสดงข้อกังวลตั้งแต่แรกว่าลดภาษีสรรพสามิตแล้วจะขายได้จริงหรือไม่และจากการศึกษาก็พบว่าการซื้อรถยนต์ของคนไทย 80% ซื้อเป็นเงินผ่อนมากกว่าเงินสด ดังนั้นเห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้รัฐบาลดูแลในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถโดยอาศัยกลไกของสถาบันการเงินของรัฐบาลน่าจะเป็นการกระตุ้นแรงซื้อให้เกิดขึ้นมากกว่าเพราะพบว่าความต้องการมีแต่ติดปัญหาด้านสินเชื่อที่ปล่อยกู้ยากและเงินดาวน์เองก็สูงขึ้นแต่เรื่องนี้ก็คงเป็นหน้าที่กระทรวงการคลังว่าจะเห็นด้วยหรือไม่อย่างไรเราทำได้แค่แสดงความเห็นแนบไปเท่านั้น”นายสรยุทธกล่าว

นอกจากนี้ประเด็นเกี่ยวกับกรณีที่เอกชนเสนอให้ภาครัฐช่วยเหลือจ่ายเงินประกันสังคมแทนพนักงานจำนวน 350,000 คนเป็นเวลา 1 ปี(งบประมาณ 840 ล้านบาท)เดิมทางกระทรวงอุตสาหกรรมเองก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกเริ่มเพราะเห็นว่าภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็มีปัญหาในเรื่องของแรงงานเช่นกันจึงควรจะมองในเรื่องของการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับนโยบายการช่วยเหลือจากรัฐบาล

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม กล่าวหลังการหารือกับประธานคณะกรรมการธุรกิจไทย-สหรัฐอเมริกา วานนี้( 3 มี.ค.) ว่า ผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ฟอร์ดได้สอบถามถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับมาตรการดูแลภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งก็ได้ชี้แจงว่ามาตรการจะมีการนำเสนอครม.ศก.วันนี้ซึ่งยืนยันหลักการว่าจะไม่เน้นการอุ้มเฉพาะรายแต่จะเน้นประโยชน์ประเทศและประชาชนเป็นหลัก

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้เท่าที่ทราบผู้ผลิตรถยนต์ทำใจได้แล้วว่าภาษีสรรพสามิตคงจะเป็นเรื่องยากที่จะได้รับการพิจารณาจากกระทรวงการคลังเพราะหากมีการลดภาษีรถยนต์อุตสาหกรรมอื่นๆก็จะขอก็จะเป็นภาระหนักแก่รัฐบาลที่จะดูแลในเรื่องของรายได้

นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวว่า หน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมกันกลั่นกรองระดับหนึ่งแล้วซึ่งแต่ละข้อทางครม.ศก.จะเป็นผู้พิจารณาแต่คณะทำงานฯก็จะทำความเห็นในแต่ละข้อประกอบการตัดสินใจโดยยอมรับว่ามาตรการทางด้านภาษีฯนั้นจะกระตุ้นกำลังซื้อได้ต่ำกว่ามาตรการทางการเงินดังนั้นมาตรการที่เอกชนเสนอคือรัฐควรจัดให้มีการค้ำประกันและให้สินเชื่อการเช่าซื้อรถยนต์ด้วยเงื่อนไขผ่อนปรนผ่านบริษัทค้ำประกันสินเชื่อขนาดย่อมหรือบสย.น่าจะเป็นมาตรการที่ดีกว่าการลดภาษีสรรพสามิต 3%

ดีลเลอร์โวยค่ายรถกักสินค้า

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า 1-2 เดือนที่ผ่านมาผู้ประกอบการตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (ดีลเลอร์) ยี่ห้อโตโยต้าและฮอนด้าได้เข้ามาร้องเรียนว่าบริษัทรถยนต์ดังกล่าวมีการส่งมอบรถยนต์ให้กับดีลเลอร์ในจำนวนที่ต่ำกว่ายอดสั่งซื้อ โดยเฉพาะรถยนต์โตโยต้าวีออส และฮอนด้าซิตี้ ที่มียอดจำหน่ายสูงในปัจจุบัน โดยหากดีลเลอร์สั่งรถจากบริษัทจำนวน 20 คัน จะมีการส่งมอบให้เพียง 7 คันเท่านั้นทำให้ดีลเลอร์ประสบปัญหาในการจำหน่ายรถยนต์มาก

“ไม่เข้าใจว่าบริษัทรถยนต์ทำไมจึงส่งมอบรถต่ำกว่ายอดที่สั่งซื้อไป ไม่แน่ใจว่าบริษัทรถยนต์นี้จึงต้องทำให้ยอดขายน้อยลงผ่านทางดีลเลอร์ เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นคือรายได้ที่ลดลงแต่ต้นทุนของดีลเลอร์ยังเท่าเดิม ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟและรายจ่ายอื่นๆ ยังมีอยู่” แหล่งข่าวกล่าว

มีการตั้งข้อสังเกตว่าในช่วง 3 – 4 เดือนที่ผ่านมาที่กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการให้ความช่วยเหลือเนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและในบางภาคอุตสาหกรรมก็ได้รับความช่วยเหลือไปบ้างแล้ว แต่อุตสาหกรรมรถยนต์ซึ่งเป็นภาคการผลิตที่มีขนาดใหญ่และมูลค่ามหาศาลยังรัฐบาลยังไม่ออกมาตรการใดออกมาช่วยเหลือ จึงอาจเป็นไปได้ว่าการส่งมอบรถยนต์ให้กับดีลเลอร์ในจำนวนที่ต่ำกว่ายอดสั่งซื้อไปเพื่อทำให้ยอดขายรวมลดลงและใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองกับรัฐบาลเพื่อขอมาตรการสนับสนุนได้

ค่ายรถชี้เฉพาะ "วีออส-ซิตี้" ยอดพุ่ง

แหล่งข่าวจาก บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า การตัดรถให้ดีลเลอร์ไม่พอกับความต้องการ คงไม่ใช้เรื่องการต่อนำไปต่อรองกับรัฐบาล แต่เป็นเพราะกำลังผลิตที่น้อยกว่าความต้องการตลาด โดยเฉพาะวีออส ซึ้งเป็นรถยนต์นั่งรุ่นที่ขายดีที่สุดของโตโยต้าในตอนนี้

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทไม่สามารถส่งวีออสได้ตามความต้องการของดีลเลอร์จริง เพราะจะว่าไปแต่ละดีลเลอร์ก็มีโควตาอยู่แล้ว ที่สำคัญช่วงปลายปีที่แล้วบริษัทประเมินสถานการณ์ว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศจะชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้นจึงวางแผนลดกำลังการผลิตลงให้เหมาะสมกับสภาพตลาด แต่พอเอาเข้าจริงในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยอดขายในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กไม่ได้หดตัวตามที่คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ยอดขายวีออสล็อตใหญ่ (Fleet) มาจากประเทศอินโดนีเซียอีก 4,000 คัน ดังนั้นจึงเกิดปัญหารถไม่พอส่งมอบ

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงของ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฮอนด้า ซิตี้ ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปีที่แล้ว มาปีนี้ยังขายดีเกินกว่าที่บริษัทคาดการไว้ ทำให้ตอนนี้เกิดปัญหา “ช็อต ซัพพลาย” ไม่สามารถส่งมอบรถได้ทันกับความต้องการลูกค้าตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา

เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจยังเป็นเรื่องที่ยากที่จะคาดเดา ทำให้บริษัทต้องประเมินยอดขายต่ำ และระมัดระวังเรื่องการเพิ่มกำลังการผลิตพอสมควรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหารถค้างสต็อกในภายหลัง ทำให้ตอนนี้เกิดปัญหาความต้องการสูงกว่าปริมาณที่ผลิตได้ และในส่วนของฮอนด้า ซิตี้ เอง ตั้งแต่ต้นปีปรากฏว่ายังมียอดจองเข้ามาเรื่อยๆหรือจะหดตัวก็ไม่มาก จึงส่งผลให้มียอดค้างส่งมอบ (Back Order) อยู่ประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งบริษัทยืนยันว่าจะพยายามจัดสรรโควตาให้แต่ละดีลเลอร์อย่างยุติธรรมที่สุด ขณะเดียวกันถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ บริษัทก็เตรียมปรับแผน และเพิ่มกำลังผลิตให้พอกับความต้องการต่อไป

อย่างไรก็ตามประเด็นที่ว่าต้องกดยอดขายเพื่อให้ตลาดดูซบเซาเพื่อจะไปขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลคงไม่เป็นความจริง เพราะตามหลักแล้วคงไม่มีใครไม่อยากขายรถมากๆ

กรณ์ยัน ครม.อุ้มภาพรวมหนุน ศก.

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเกี่ยวกับการพิจารณาสิทธิพิเศษทางภาษี โดยทางกลุ่มเอกชนจะต้องรวมตัวกันเพื่อรวบรวมข้อเสนอจากนั้นเสนอต่อครม.เศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งตามหลักการจะให้สิทธิพิเศษหรือไม่จะดูว่าข้อเสนอดังกล่าวยุติธรรมต่อกลุ่มเอกชนโดยรวมและมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจจริงอย่างไร

"ครม.เศรษฐกิจมีวาระพิจารณาข้อเสนอปรับลดภาษีในภาคธุรกิจต่างๆ อยู่แล้ว คือทางกลุ่มจะต้องฟอร์มทีมกันขึ้นมาเพื่อเสนอข้อเสนอ จากนั้นจะต้องดูว่ามีความยุติธรรมต่อธุรกิจดังกล่าวทั้งหมดหรือไม่ และเป็นบวกต่อเศรษฐกิจจริงหรือไม่ด้วย" นายกรณ์กล่าว   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us