สยามไฟเบอร์กลาสฯในเครือSCG มั่นใจยอดขายโต10%สวนกระแสตลาดรวมที่หดตัวกว่า10-15% เดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายผ่านบริษัทแม่ ทุ่มงบการตลาด20ล้านบาท จัดกิจกรรมขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าบ้าน ตั้งเป้ายอดขายรวม 560 ล้านบาท ด้าน“เฌอร่า”มุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมสินค้าฉลากเขียว ตั้งเป้าขยายยอดส่งออกเพิ่ม30%จากเดิม15%

นายสลิล กันตนฤมิตรกุล ผู้จัดการส่วนการตลาด บริษัท สยามไฟเบอร์กลาส จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ฉนวนใยแก้วกันความร้อน ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเครือซิเมนต์ไทย กล่าวว่า การชะลอพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในปีนี่จะส่งผลให้ตลาดรวมวัสดุก่อสร้างในกลุ่มที่อยู่อาศัยหดตัวลง10-15% ส่วนตลาดรวมฉนวนกันความร้อนจะหดตัวประมาณ10-15% ตามภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้ปัจจุบันตลาดฉนวนกันความร้อนมีมูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีแชร์อยู่ 50% หรือประมาณ510ล้านบาทในปีที่ผ่านมา แบ่งออกเป็นยอดขายในประเทศ 50% ละยอดขายในประเทศ 50%

ทั้งนี้ แม้ว่าในปีนี้ตลาดรวมจะมีแนวโน้มหดตัวลง แต่บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น10% หรือมียอดขายรวม 560 ล้านบาท โดยการเติบโตของยอดขายในปีนี้ จะมาจากยอดขายในประเทศทั้งหมด ส่วนตลาดส่งออกคาดว่าจะทรงตัวเท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดรวมได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตได้ตามเป้า เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มอาคารสำนักงาน อาคารสูง นอกจากนี้แนวโน้มกระแสโลกร้อนจะเป็นปัจจัยหนึ่งช่วยในการผลักดันยอดขายในปีนี้

นอกจากนี้ ในปี52 บริษัทยังมีแผนจะขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มผู้บริโภคให้เกิดการรับรู้มากขึ้น โดยจะเน้นการขยายช่องทางการขายผ่านเครือขายกลุ่มวัสดุก่อสร้างของSCG และโมเดลเทรดต่างๆ รวมถึงการเปิดศูนย์บริการและให้คำปรึกษาการติดตั้ง Total Solution นอกจากนี้ บริษัทจะเน้นการจัดกิจกรรมความร่วมมือต่างๆกับตัวแทนการขาย ซึ่งจะใช้งบการตลาดประมาณ 15-20ล้านบาท โดย80%ของงบ จะใช้ในการจัดกิจกรรมรูปแบบโรดโชว์เข้าถึงกลุ่มลูกค้า(below the line)

ด้านนางสาวมาดี ศรีวัฒนะ ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ ตราเฌอร่า บริษัท โอลิมปิคกระเบื้องไทย จำกัด ภายใต้กลุ่มมหพันธ์ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ มียอดส่งออกเติบโตจากปี50 กว่า50% หรือมียอดส่งออก 15%จากยอดขายรวมของกลุ่มผลิตภัณฑ์ คิดเป็นมูลค่าขาย330ล้านบาท สำหรับปี 52 กลุ่มมหพันธ์จะเน้นการขยายฐานตลาดส่งออกมากขึ้น โดยจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น30% ผ่านกลยุทธ์การตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้บุกเบิกและผู้นำตลาดวัสดุก่อสร้างเพื่อลดโลกร้อน ส่วนตลาดในประเทศคงมุ่งเน้นการเพิ่มส่วนแบ่งของตลาด

สำหรับตลาดสินค้าทดแทนไม้ จะยังมุ่งขยายตลาดแผ่นหนาสำหรับตลาดแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ โดยทั้งสองตลาดเน้นแนวคิดเรื่อง"กรีน อินโนเวชั่น" ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ชูจุดขายกระแสโลกร้อน