Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 กุมภาพันธ์ 2552
'พาณิชย์'ทำใจ ตัวเลขส่งออก หมดหวังโต3%             
 


   
www resources

โฮมเพจ กระทรวงพาณิชย์

   
search resources

กระทรวงพาณิชย์
Import-Export




“พาณิชย์”ถอดใจเลิกสู้ ยอมรับโอกาสบรรลุเป้าหมายขยายตัว 0-3% เป็นไปได้ยาก “พรทิวา”ยันไม่ท้อ ถึงจะหมดหวัง แต่ต้องสู้ พร้อมสั่งทูตพาณิชย์เป็นทัพหน้าทำงานหนัก รักษาตลาดหลัก และบุกเจาะตลาดใหม่เพิ่ม มึนบิ๊กพาณิชย์สั่งทูตพาณิชย์ปรับเป้ารายประเทศลงมา หวังรักษาหน้า เหตุกังวลตั้งสูงเกินไปแล้วทำไม่ได้

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ไทยที่ประจำอยู่ทั่วโลก วานนี้ (25 ก.พ.) ว่า ได้ขอให้ทูตพาณิชย์พยายามรักษาตลาดส่งออกเดิมของไทยไว้ให้ได้ โดยต้องดูว่า ลูกค้าที่ซื้อสินค้าไทยเป็นประจำในแต่ละประเทศยังเข้มแข็งอยู่หรือไม่ มีคู่แข่งสินค้าไทยเริ่มเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดหรือไม่ คู่แข่งเหล่านั้นมีกลยุทธ์ใดที่ใช้แข่งขันกับไทย และสินค้าคู่แข่งมีจุดแข็งอะไร รวมถึงให้ดูว่า แต่ละประเทศมีกฎระเบียบทางการค้า หรือมีข้อกีดกันทางการค้าใหม่ๆ อะไร ที่จะเป็นอุปสรรคสำหรับการส่งออกสินค้าไทยหรือไม่

นอกจากนี้ ยังขอให้หาทางเพิ่มสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดใหม่ โดยให้ดูว่า สินค้าและบริการของไทยที่ส่งออกไปแต่ละประเทศในตลาดใหม่สามารถครอบคลุมได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศหรือยัง และมีโอกาสที่จะขยายตลาดเพิ่มได้อีกหรือไม่ หากในตลาดใหม่ยังไม่มีสินค้าไทย มีโอกาสที่สินค้าและบริการไทยจะเข้าไปทำตลาดได้หรือไม่ รวมถึงให้ศึกษาสัดส่วนตลาดของคู่แข่งด้วย

ขณะเดียวกัน ทูตพาณิชย์ต้องดูแลสินค้าที่มีปัญหาเป็นการเร่งด่วน โดยหากพบว่า สินค้าใดของไทยเกิดปัญหาขึ้นในแต่ละประเทศ ขอให้เร่งประสานงานร่วมกับภาคเอกชนของไทย และภาครัฐ เพื่อแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว และต้องตั้งเป้าหมายการส่งออกเป็นรายสินค้า และสร้างกลไกล และเครื่องมือเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย รวมถึงให้ทูตพาณิชย์เป็นกระบอกเสียงให้กับประเทศไทยในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในแต่ละประเทศ โดยกำหนดให้ทูตพาณิชย์รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวเข้ามายังตนทุกๆ 2 สัปดาห์

“ขอให้ทูตพาณิชย์ทำงานหนักเป็น 2 เท่า เพื่อให้การส่งออกของไทยขยายตัวเป็นบวก แต่ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำลงมาก โอกาสที่มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้จะติดลบเป็นไปได้สูง แต่กระทรวงพาณิชย์จะประคับประคองให้ดีที่สุด เพื่อให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย 0-3% ส่วนจะได้จริงหรือไม่นั้น คงต้องดูตัวเลขเป็นรายไตรมาส แต่ส่วนตัวเห็นว่า การตั้งเป้าหมายให้สูงไว้เป็นการดี เพราะทำให้คนทำงานมีความพยายามในการทำงานมากขึ้น ส่วนที่มูดี้ส์บอกว่าเราจะหนักสุดในเอเชีย คงพูดเกินจริง เพราะหลายประเทศส่งออกติดลบหนักกว่าเรา” นางพรทิวากล่าว

อย่างไรก็ตาม ได้มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีอย่างไม่ทางการแล้วว่า ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือภาคส่งออกด้วย และได้ทำข้อมูลสถานการณ์ส่งออกไปให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับปากจะให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการมาตรการด้านภาษี ที่อาจจะมีการลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบ หรือลดการเก็บภาษีซ้ำซ้อน รวมถึงการเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ ส่วนการของบประมาณเพื่อสนับสนุนการส่งออกเป็นการเฉพาะ คงไม่ขอแล้ว เพราะรัฐบาลไม่มีเงินเจียดมาให้

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ให้นโยบายทูตพาณิชย์รุกตลาดอาเซียนเป็นพิเศษ เพราะสินค้าไทยมีศักยภาพการแข่งขันมากในอาเซียน จากการที่มีต้นทุนการขนส่งต่ำ รวมถึงให้รุกการค้าชายแดนให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ไทยมีมูลค่าการค้าชายแดนเพียง 700,000 ล้านบาท หรือประมาณ 10% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทย จึงยังเพิ่มมูลค่าได้อีกมาก

นอกจากนี้ ยังให้นโยบายอาร์มาเกดอน หรือหน่วยเจาะเกราะ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกเจาะตลาดใหม่ๆ และตลาดเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยได้วาง 4 กลยุทธ์ 4 ขั้นคือ การเจาะเกราะคือ เร่งเจาะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง มีข้อมูลการค้าเชิงลึก เพื่อเพิ่มโอกาสให้สินค้าไทย การแตกหน่อ เป็นการทำจับคู่ทางธุรกิจ การส่งเสริมตลาดเชิงรุก ด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้มากขึ้น และการทำแบรนด์ประเทศไทย เพื่อย้ำให้ตลาดจดจำตราสินค้าไทย และติดใจคำว่า “เมด อิน ไทยแลนด์”

“กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงทูตพาณิชย์ ต้องทำงานหนักขึ้น เร็วขึ้น มีกลยุทธ์ใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงหาโอกาสส่งออกสินค้าไทยใหม่ๆ ทั้งในตลาดเก่า และตลาดใหม่ให้มากขึ้น จึงจะทำให้เป้าหมายการส่งออกเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่ 0-3%” นายอลงกรณ์กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การประชุมทูตพาณิชย์ในครั้งนี้เป็นการประเมินสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยในประเทศต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด หลังจากที่การส่งออกในเดือนม.ค.2552 ติดลบหนักถึง 26.5% ซึ่งในบางประเทศ ทูตพาณิชย์ได้กำหนดเป้าหมายการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริหารระดับสูงบางคนในกระทรวงพาณิชย์กลับต้องการให้กำหนดเป้าหมายลดลง เช่น อินเดีย กำหนดเป้าหมายขยายตัวที่ 20% แต่กลับถูกสั่งให้ลดลงเหลือ 10% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งหากถึงปลายปีนี้ สามารถทำให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวได้มากกว่าเป้าหมายก็จะถือเป็นผลงานของกระทรวง แต่หากต่ำกว่าเป้าหมายก็จะถือว่าเสียหน้า

สำหรับเป้าหมายการส่งออกในปี 2552 ที่ขยายตัว 0-3% นั้น เมื่อแยกเป็นรายตลาดขยายตัวดังนี้ สหรัฐฯ ลบ 2% ถึงลบ 5% แคนาดา ขยายตัว 0-5% ลาตินอเมริกา ขยายตัว 5-8% สหภาพยุโรป ลบ 5% ถึงลบ 2% ตะวันออกกลาง ขยายตัว 5-10% แอฟริกา ขยายตัว 5-8% จีน ขยายตัว 0-7% ญี่ปุ่น ลบ 3% ถึง 0% เกาหลีใต้และไต้หวัน ลบ 5% ถึง 3% เท่ากัน ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 5% เอเชียใต้ ขยายตัว 5-10% อาเซียน (5ประเทศ) ขยายตัว 0% และอินโดจีน ขยายตัว 10%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us