Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 กุมภาพันธ์ 2552
เอวายเอฟร่วมแจมกองทุนทองคำ             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยาเจเอฟ จำกัด - เอเจเอฟ

   
search resources

อยุธยาเจเอฟ, บลจ.
Funds
ฉัตรพี ตันติเฉลิม




บลจ.อยุธยา เปิดตัว "AYFGOLD" กองทุนทองคำที่ลงทุนในดัชนี SPDR Gold Trust ในตลาดสิงคโปร์ เปิดขายรับกระแสตื่นทอง 2-13 มีนาคมนี้ กูรูทองระบุ ปัจจัยพื้นฐาน หนุนทองคำราคาในตลาดพุ่ง โดยเฉพาะความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ส่วนราคาทั้งปี มีลุ้นได้เห็นนิวไฮด์ ชี้เป็นโอกาสลงทุนระยะยาว เหตุระยะสั้นยังเห็นความผันผวน แนะนักตกทอง อย่ามองราคาถูกหรือแพง แต่ควรลงทุนเมื่อเห็นว่าราคาจะปรับขึ้นในอนาคต ด้าน “พาณิชย์” เตรียมชงกกร. คลอดไกด์ไลน์ทองคำ กำหนดมาตรการเข้มคุมราคาซื้อ-ขาย เล็งจัดโครงการทองธงฟ้า ขายทองรูปพรรณราคาถูก

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (AYF) เปิดเผยว่า บลจ.อยุธยาเตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดอยุธยาโกล์ดในระหว่างวันที่ 2-13 มีนาคมนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงอย่างทองคำให้แก่ผู้ลงทุน ซึ่งจากการศึกษาพบว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำมีความสัมพันธ์ทางสถิติต่ำ (Low Correlation) เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ประเภทอื่น ดังนั้น การลงทุนในทองคำจึงเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนเพื่อลดความโดยรวมของพอร์ตการลงทุนในขณะเดียวกันก็สามารถรักษาระดับผลตอบแทนโดยรวมไว้ได้

ทั้งนี้ มูลค่าของทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากมูลค่าประมาณ 7,000 บาท ในช่วงเดือน มกราคม 46 ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 14,750 บาทในช่วง เดือนมกราคม 52 โดยให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 12.4 % ต่อปี เนื่องจากความต้องการทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ สินทรัพย์หลายๆ อย่างให้ผลตอบแทนติดลบ

นอกจากนี้ ในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนอย่างในปัจจุบัน ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่จัดได้ว่ามีความมั่นคงทางมูลค่าสูง ในระยะยาวจะพบว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถช่วยรักษาระดับความมั่งคั่งให้กับผู้ลงทุน และทองคำยังมีสภาพคล่องสูงสามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ง่ายกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น แต่เนื่องจากการเก็บรักษาทองคำนั้นพบว่ามีความยุ่งยากทั้งในเรื่องการหาพื้นที่ในการจัดเก็บและการรักษาความปลอดภัย การลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในทองคำจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดภาระในการเก็บรักษาและเพิ่มความปลอดภัยจากการโจรกรรมให้แก่ผู้ลงทุน และยังคงมีสภาพคล่องสูงเนื่องจากสามารถซื้อ-ขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ รวมทั้งสามารถทำรายการผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้

โดยกองทุนเปิดอยุธยาโกลด์ (AYFGOLD) จะเข้าลงทุนใน SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดสิงคโปร์ ซึ่งกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนอีทีเอฟที่ลงทุนในทองคำที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ครอบครองทองคำกว่า 80% ของกองทุนอีทีเอฟทองคำที่มีอยู่ในโลก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมุ่งเน้นลงทุนในทองคำแท่งเพื่อสร้าง ผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของราคาทองคำ

นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ รองเลขาธิการสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำว่า ปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่สนับสนุนการลงทุนในทองคำ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปกติจะสวนทางกับราคาทอง แต่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลับพบว่า ถึงแม้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้น แต่ราคาทองคำก็ปรับขึ้นด้วยเช่นกัน ส่งผลให้นักลงทุนมองหาช่องทางการลงทุนที่ปลอดภัย (Safe Haven) มากขึ้น ในขณะเดียวกัน เรื่องของอัตราเงินเฟ้อ และการปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง ก็ส่งผลให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ การลงทุนในทองคำ นอกเหนือจากเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) แล้ว ปัจจุบันได้กลายเป็น Gold Currency ด้วย เพราะที่ผ่านมา ไม่มีสินทรัพย์ใดที่มีความปลอดภัยเท่าการลงทุนในทองคำ ประกอบกับที่ผ่านมา การลงทุนในทองคำได้รับความสนใจในแง่ของการลงทุนมากขึ้น โดยเฉลี่ยประมาณ 12-15% ต่อปี ในขณะที่การซื้อทองคำเพื่อให้เป็นเครื่องประดับลดลงอย่างต่อเนื่องประมาณ 30-40% ซึ่งการซื้อทองคำเพื่อลงทุนในช่วงปี 2549 พบว่าให้ผลตอบแทนสูงถึง 15% ปี 2550 อยู่ที่ 30% และในปี 2551 ให้ผลตอบแทนประมาณ 3% แต่ปีดังกล่าว ราคาทองเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยมีทั้งการปรับขึ้นลงระหว่าง 15-30%
"ปัจจัยที่กล่าวมา ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นฐานต่อการลงทุนในทองคำทั้งนั้น ซึ่งการที่มีพื้นฐานรองรับ ทำให้การลงทุนในทองคำได้รับความสนใจจากบรรดากองทุนต่างประเทศที่กำลังมองหาผลตอบแทนสูงๆ เพราะมองไปในตลาดแล้วไม่มีการลงทุนใดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ อัตราแลกเปลี่ยนหรือคอมมอดิตี"นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว

ส่วนแนวโน้มราคาทองคำจะอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกนานแค่ไหนนั้น นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำอาจจะขยับลงได้ หากปัจจัยพื้นฐานที่กล่าวมาหลายๆ อย่าง ปรับตัวดีขึ้น นั่นคือ เศรษฐกิจโลกต้องปรับตัวดีขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯ เองก็ต้องดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งหากมองไปในระยะ 3-6 เดือนหลังจากนี้ มีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อยที่จะฟื้นตัว เพราะมีการวิเคราะห์ว่าอย่างน้อยที่สุดน่าจะใช้เวลา 1 ปี และล่าสุด เบอร์นาเก้ ออกมาพูดว่าอาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2-3 ปี กว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้น ดังนั้น ปัจจัยเหล่านี้จึงยังเป็นบวกต่อการลงทุนในทองคำอยู่

โดยมองว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำในตลาดโลกจะปรับขึ้นไปทดสอบราคา 1,032 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในปีที่ผ่านมา หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาได้ปรับขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์แล้ว ก่อนจะขยับลงมาประมาณ 40 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ตอบรับข่าวการปรับขึ้นของดัชนีดาวน์โจนส์

ทั้งนี้ มองว่าในระยะยาว ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น ซึ่งการลงทุนเองอย่ามองว่าราคาถูกหรือแพงแล้ว แต่ควรลงทุนเมื่อเห็นว่าราคาจะปรับขึ้นในอนาคต ซึ่งราคาที่ระดับบาทละ 16,000 บาท ในปัจจุบัน อาจจะเป็นราคาที่ถูกในอีก 3 เดือนข้างหน้าก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ระยะยาวจะเป็นบวก แต่ระหว่างทาง ราคาทองในตลาดโลกจะแกว่งตัวพอสมควร ซึ่งอาจจะเห็นแนวโน้มการแกว่งตัวรุนแรงเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา

"การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีนี้ เชื่อว่าคงจะไม่หลุดระดับ 800 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และน่าจะเห็นราคาปรับขึ้นไปได้อีกในเร็วๆ นี้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาขยับขึ้นไป ก็จะมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง"นายแพทย์กฤชรัตน์กล่าว
ด้านนายสุวรรณ วลัยเสถียร ประธานชมรมคนออมเงิน กล่าวว่า ในปีนี้ยังมองว่าจะได้เห็นราคาทองคำขยับขึ้นไปที่ระดับบาทละ 17,000 บาท ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก จนส่งผลให้ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบไปหมด ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม หรือภาคสถาบันการเงิน ซึ่งหน่วยงานที่สามารถสร้างรายได้ให้กับสถาบันการเงินส่วนใหญ่ ประสบปัญหากันหมด ดังนั้น นักลงทุนจึงมองหาการลงทุนที่มีความปลอดภัยเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การลงทุนในทองคำนั้น อยากให้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่อยากให้เสี่ยงมากเพื่อหวังกำไรมาก ซึ่งการลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำ ก็เป็นช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจเช่นกัน

ทั้งนี้ การจัดตั้งกองทุน ETF ทองคำก็น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมามีบลจ.มาหารือการจัดตั้งกองทุนประเภทดังกล่าว โดยเสนอให้สำนักงานคระกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณา และเนื่องจาก ก.ล.ต. ยังไม่อนุญาติให้ลงทุนในทองคำ จึงเสนอว่า ให้นำเงินไปซื้อทองคำ แล้วเอาไปฝากไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ หลังจากนั้นก็นำใบประทวนที่ได้จากการฝากทอง ไปให้ก.ล.ต. เพื่อตั้งเป็นดัชนี ETF ได้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการลงทุนในทองคำจริงๆ และการตั้งเป็นกองทุน ETF ยังช่วยให้นักลงทุนซื้อขายทองคำได้ในราคาเรียลไทม์ด้วย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ยังเป็นเรื่องใหม่ คงต้องใช้เวลาในการศึกษาอีกสักระยะ

พาณิชย์ฯเล็งจัดโครงการ"ทองธงฟ้า"

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมการค้าภายในได้จัดทำ แนวทางปฏิบัติทางการค้า (ไกด์ไลน์) ของผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าทองที่เป็นธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดราคาที่เป็นธรรม ต้องปิดป้ายแสดงราคาเป็นเลขอาระบิคให้ชัดเจน และการคำนวนราคาขายทั้งทองคำแท่ง และทองรูปพรรณ จะต้องมีสูตรในการคำนวณที่ชัดเจน และยังกำหนดให้สมาคมค้าทองคำต้องแจ้งราคาทองที่เปลี่ยนแปลงทุกครั้งให้คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ทราบ

สำหรับการควบคุมน้ำหนัก ทอง 1 บาท จะมีน้ำหนัก 15.16 กรัม และร้านทองต้องมีเครื่องชั่งระบบดิจิตอลทิศนิยม 2 ตำแหน่ง และยังกำหนดให้สมาคมกำหนดวันทำการและเวลาเปิดปิดร้านให้ชัดเจน รวมถึงกรณีพิเศษที่ไม่ใช่ประเพณีปกติจะต้องแจ้งให้ กกร.ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน พร้อมทั้งปิดประกาศให้ลูกค้าเห็นชัดเจน

ส่วนใบจองซื้อทองคำแท่ง จะต้องมีรายละเอียด ชื่อ สถานที่ตั้งร้านทอง เลขที่เอกสาร วันที่ซื้อขาย วันกำหนดรับสินค้า ชื่อที่อยู่ผู้ซื้อพร้อมสำเนาบัตรประชาชน รายการสินค้า น้ำหนัก เงื่อนไขชำระเงิน ห้ามโอนเปลี่ยนมือ และมีรายชื่อผู้มีอำนาจของร้านทอง (พร้อมประทับตรา) เพื่อป้องกันการเอาเปรียบประชาชน โดยจะเสนอให้ที่ประชุม กกร.พิจารณาวันที่ 2 มี.ค.นี้ ก่อนประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป

นอกจากนี้ กรมการค้าภายในจะร่วมมือกับสมาคมค้าทองคำจัดโครงการ ทองธงฟ้า เพื่อจำหน่ายทองราคาถูกที่มีมาตรฐานและน้ำหนักเที่ยงตรงแก่ประชาชน โดยทองธงฟ้าจะจำหน่ายในส่วนทองรูปพรรณโดยลดค่ากำเหน็จบาทละ 100 บาท จากปัจจุบันค่ากำเหน็จเฉลี่ยที่บาทละ 400-700 บาท อีกทั้งช่วยให้ผู้บริโภคหาซื้อทองที่มีมาตรฐานและผ่านเครื่องชั่งวัดที่ถูกต้อง ซึ่งในเร็วๆ นี้กรมฯ จะจัดทำสติ๊กเกอร์ทองธงฟ้า ไปติดตามร้านทองที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า คาดว่าจะมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการทองธงฟ้ามากกว่าพันแห่ง เพื่อช่วยความน่าเชื่อถือในการจำหน่ายทองให้ผู้บริโภค และช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในส่วนทองรูปพรรณ ที่ขณะนี้มียอดซื้อลดลงมากจากเดิมมีสัดส่วนถึง 95% เหลือเพียง 5%

สำหรับราคาทองคำแท่งวันนี้ (25 ก.พ.) รับซื้อบาทละ 16,000 บาท ราคาขายบาทละ 16,100 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อที่บาทละ 15,766.4 บาท ขายบาทละ 16,500 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ปรับลดลงจากราคาวานนี้ เฉลี่ยบาทละ 200 บาท อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาทองคำช่วงนี้ยังคงผันผวนค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากราคาทองคำในตลาดต่างประเทศปรับลดลง ขณะที่ค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงอีก แต่เชื่อว่าในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ราคาทองคำจะปรับสูงขึ้นอีกได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us