|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
"ไทยพาณิชย์" นำร่องลดดอกเบี้ยตาม กนง. ทั้งดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ 0.25% กดออมทรัพย์เหลือ 0.50% ฝาก 3 เดือนไม่เกิน 5 ล้านเหลือ 0.75% ขณะที่ MLR MOR และ MRR อยู่ในระดับ 6.25% 6.50% และ 6.75% ตามลำดับ ด้าน "กรุงไทย-สคิบ" ประชุมบอร์ดวันนี้ คาดลดตามตลาด ส่วนกสิกรฯ ชี้สินเชื่อบ้านยังซบ ลดดอกเบี่้ยได้แค่เล็กน้อย
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)(SCB) แจ้งว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายของทางการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากลง 0.25 % ต่อปี มีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (MLR) ปรับเป็น 6.25 % อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เบิกเกินบัญชี(MOR) เป็น 6.50 % และอัตราดอกเบี้ย เงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) เป็น 6.75%
นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ถือเป็นการช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจของลูกค้า ตลอดจนเป็นการเปิดโอกาสแก่ลูกค้ารายย่อยให้สามารถกู้เงินเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยได้ในต้นทุนที่ถูกลง อีกทั้งเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายส่วนบุคคลอีกด้วย
สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารได้พิจารณาปรับลดลง 0.25 % เช่นกัน โดยอัตราดอกบี้ยออมทรัพย์ปรับเป็น 0.50% เงินฝากประจำ 3 เดือน จำนวนเงินน้อยกว่า 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.75 % เงินฝากประจำ 3 เดือน จำนวนเงินมากกว่า 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.00% เงินฝากประจำ 6 เดือนอัตราดอกเบี้ย 1.00% เงินฝากประจำ 12 เดือนอัตราดอกเบี้ย 1.25% และเงินฝากประจำระยะยาว 24 และ 36 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.75%
KTB-TMB-SCIBจ่อปรับตาม
นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของกนง. 0.5% คงจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่งและช่วยให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่การแก้ปัญหาจะต้องใช้เวลาการเงินการคลังประกอบกัน เนื่องจากปัญหามีอยู่หลายจุดอีกทั้งมองว่าปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ที่ดีที่สุดคือการใช้จ่ายของภาครัฐที่ปีนี้ควรจะมีมากขึ้น
ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกรุงไทยจะเป็นอย่างไรนั้น จะต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการของธนาคารวันนี้ก่อน ซึ่งทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารก็คงจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดเผยว่า หลังจากกนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% เหลือ1.5% นั้น ธนาคารทหารไทยคงจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากลงตามแต่จะปรับลดลงในสัดส่วนเท่าใดนั้นจะต้องดูทิศทางดอกเบี้ยของตลาดด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของดอกเบี้ยเงินฝากนั้นขณะนี้เงินฝากประจำอยู่ในระดับต่ำลงมาเกือบจะเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์แล้ว นอกจากนี้ยังมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่งแต่ปัญหาปัจจุบันมีหลายจุดจึงมองว่าควรจะมีมาตรการอื่นมาช่วยเสริมเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้
อย่างไรก็ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้จะช่วยให้ต้นทุนของลูกค้าลดลงและจะทำให้เกิดการลงทุนมากขึ้นแต่ในด้านสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นมากหรือไม่นั้นต้องดูความเชื่อมั่นประกอบด้วยเนื่องจากขณะนี้การส่งออกที่ปรับตัวลดลงก็มีผลต่อความเชื่อมั่นเช่นกัน
ด้านนางสาวอังคณา สวัสดิ์พูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCIB กล่าวว่า หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของกนง.ครั้งนี้ธนาคารพาณิชย์น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตาม 0.25% ทั้งดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากแต่ยังไม่น่าจะเห็นผลในสัปดาห์นี้ โดยน่าจะเริ่มมีผลในต้นเดือนมี.ค.เป็นต้นไป
ส่วนของธนาคารนครหลวงไทยไม่ใช่ผู้นำในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่แล้วดังนั้นจึงต้องรอดูทิศทางของตลาดว่าจะปรับลดลงมากแค่ไหนและธนาคารจะปรับลดตาม
กสิกรฯแย้มดบ.บ้านลดได้เล็กน้อย
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ปริมาณการปล่อยสินเชื่อบ้านของธนาคารในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 นี้ถือว่ายังไม่มีการเติบโต เนื่องจากปัจจุบันธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อไปได้เพียงประมาณ 1.6 พันล้านบาทต่อเดือน แต่ในขณะเดียวกันก็มีสินเชื่อที่ครบกำหนดชำระคืนประมาณเดือนละ 1.6 พันล้านบาทเช่นกัน จึงทำให้ยอดสินเชื่อไม่มีการเติบโต
อย่างไรก็ตาม การปล่อยสินเชื่อก็เป็นไปตามทิศทางตลาด เนื่องจากตลาดบ้านในปีนี้ผู้ประกอบการบางรายยอดขายติดลบถึง 40% และธนาคารคาดว่าปีนี้ยอดขายบ้านของทั้งระบบอาจติดลบถึง 15-20% และสินเชื่อบ้านในระบบอาจโตได้เพียง 5-6% ในส่วนของธนาคารอาจมีการเติบโตสูงกว่าระบบเพียงเล็กน้อยประมาณ 7-8% ทั้งนี้คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 ในส่วนช่วงครึ่งปีแรกอาจเติบโตได้เพียง 1-2%
สำหรับอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านที่ปัจจุบันอิงอยู่กับอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี(MLR) มองว่ามีทิศทางปรับตัวลดลงตามอัตราดอกเบี้ย MLR แต่คงปรับลดลงไม่ได้มากนัก เพราะปัจจุบันความเสี่ยงของการปล่อยสินเชื่อบ้านมีสูงขึ้น ธนาคารจึงมีภาระในเรื่องการตั้งสำรองความเสี่ยงทำให้มีต้นทุนด้านการเงินเพิ่มมากขึ้น แม้ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.50% เพื่อเป็นการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยังมีสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์มีโอกาสที่จะปรับลดตามอัตราดอกเบี้ยของ กนง. แต่คงจะปรับลดลงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนกรณีที่ปัจจุบันมีธนาคารหลายแห่งทำการออกโปรโมชั่นดอกเบี้ยบ้าน 0% ใน 1-2 ปีแรก ซึ่งเป็นการจับมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นเพียงโปรโมชั่นสำหรับบางรายการเท่านั้นไม่ได้หมายความว่าอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านจะมีสัญญาณลดลงอย่างมาก
|
|
|
|
|