|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
“หุ้นทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้า”มาแรงจนฉุดไม่อยู่ กระแสคว้าพันธมิตรใหม่ช่วยล่อใจรายย่อยเข้ารุมทึ้งไม่เลิก ดีดราคาหุ้นทั้งแม่และลูกโตกระฉูด 25 – 29% จาก 8 บาทขึ้นมาแตะ 12.80 บาท แม้ภาวะตลาดผันผวน “กลุ่มชินธรรมมิตร์”ลั่นถือหุ้นยาว ไม่มีการปล่อยแน่ ส่วนผู้บริหารใหญ่ยังปฏิเสธ ขณะที่ภาวะโดยรวมต่างประเทศยังซบเซารอความชัดเจน ส่วนในประเทศเจอแก๊งป่วนเมือง ฉุดคนไม่กล้าลงทุน โบรกฯประสานเสียงเหยียบเบรก
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (24ก.พ.) ปิดตลาดที่ระดับ 431.32 จุด ลดลง 3.67 จุด หรือ -0.84% มูลค่าการซื้อขาย 6,867 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมาจากสถานการณ์ในต่างประเทศ ซึ่งดัชนีดาวโจนส์ติดลบ 200 จุดเมื่อวันที่ 23ก.พ. และการชุมนุมประท้วงของกลุ่มนปช.วานนี้ (24ก.พ.) จึงทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุนซื้อหุ้นมากนัก อย่างไรก็ตามกลับพบว่าหุ้นของบริษัท ทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้า จำกัด (มหาชน) หรือ SST และ SST-W1 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก จนสามารถขึ้นติดอันดับ1 ใน 10 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดวานนี้ได้
โดยหุ้น SST วานนี้ปิดที่ 12.80 บาท เพิ่มขึ้น 2.90บาท หรือ29.29% ซึ่งเมื่อเปิดตลาดในช่วงเช้าราคาอยู่ที่ 10.20 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า(23ก.พ.) ซึ่งอยู่ที่ 9.90บาท และระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ 12.80บาท ต่ำสุด 9.95 บาท มูลค่าการซื้อ 270.10 ล้านบาท
ขณะที่ SST-W1 ปิดตลาด 4.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.88 บาทหรือ 25.33% โดยเมื่อเปิดตลาดราคาอยู่ที่3.60 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาปิดเมื่อวันที่23ก.พ.ซึ่งอยู่ที่ 3.42 บาท และระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 5.50 บาท ต่ำสุด 3.46 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 556.337 ล้านบาท
ทั้งนี้การปรับตัวเพิ่มของราคาหลักทรัพย์ SST และSST-W1เริ่มมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. ซึ่ง SST มีราคาอยู่ที่ 8.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 5.26% มูลค่าซื้อขาย 20.94 ล้านบาท และวันที่ 23 ก.พ ราคาหุ้นปิดที่ 9.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท หรือ 23.75% มูลค่าซื้อขาย 113.91 ล้านบาท
ส่วนSST-W1 เมื่อวันที่ 20ก.พ.มีราคาอยู่ที่ 2.66 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท หรือ 10.83% มูลค่าการซื้อขาย 687,800 บาท และวันที่ 23ก.พ.มีราคา 3.42 บาทเพิ่มขึ้น 0.76 บาทหรือ 28.57% มูลค่าการซื้อขาย 140.956 ล้านบาท ซึ่งจะพบว่าราคาของหลักทรัพย์ทั้งสองมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตลอด 3 วันที่ผ่านมา
ลือสะพัดได้พันธมิตรรายใหม่
นายเตชธร ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)หรือ ASP เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้นของบมจ. ทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 วัน นั้นคาดว่าจะเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับข่าวที่บริษัทมีกำไรสุทธิปี 2551 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 45.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.72 ล้านบาท คิดเป็น 48.45% จากปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 30.38 ล้านบาท
ส่วนในเรื่องข่าวลือในด้านการที่จะมีผู้เข้ามาซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่นั้น ส่วนตัวไม่สามารถตอบได้จากไม่ทราบเรื่อง แต่จากการที่ราคาหุ้นของSST มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังในการลงทุน จากจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมา โดยบริษัทประเมินแนวต้านที่ระดับ 13 บาท แนวรับที่ระดับ 11 บาท
ด้าน แหล่งข่าวนักวิเคราะห์ รายหนึ่งให้เหตุผลถึงเรื่องนี้ว่า กรณีที่ราคาหุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1 (SST-W1) ของบมจ. ทรัพย์ศรีไทยคลังสินค้า ปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลมาจากนักลงทุนพยายามเข้าซื้อเก็งกำไร การซื้อกิจการ หลังมีข่าวลือออกมาว่า SST เตรียมเจรจากับพันธมิตรในธุรกิจคลังสินค้าเพื่อขยายธุรกิจร่วมกัน ภายหลังจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แจ้งว่านายศุภสิทธิ์ สุขะนินทร์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท และในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้มีการเทขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นออกมาจำนวน 6.22 ล้านหน่วยในราคา 2.35 บาท
โดยในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้มีการสอบถามไปที่ นายศุภสิทธิ์ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธที่จะตอบคำถามในเรื่องนี้ สำหรับ รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 อันดับแรกของ SST ล่าสุด ประกอบด้วย นายศุภสิทธิ์ สุขะนินทร์ ถือหุ้น 25.4%, นางอินทิรา สุขะนินทร์ ถือหุ้น 12.03%, น.ส.ดวงแข ชินธรรมมิตร์ ถือหุ้น 5.64%, น.ส.ดวงดาว ชินธรรมมิตร์ ถือหุ้น 5.64% และน.ส.นฤมล แจ่มกระจ่าง ถือหุ้น 4.99%
กลุ่มชินธรรมมิตร์ลั่นถือหุ้นยาว
ด้าน นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) KSL และในฐานะผู้ถือหุ้น SST กล่าวว่า ที่ผ่านมา SST มีการเพิ่มหุ้นโดยการออกวอร์แรนต์ เพื่อนำเงินมาลงทุนในธุรกิจคลังสินค้าของบริษัท ซึ่งส่วนตัวเป็นผู้ร่วมถือหุ้นด้วยเท่านั้น และแผนธุรกิจก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริษัทจัดการ จึงไม่ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ทางกลุ่มชินธรรมมิตร์ จะไม่มีการขายทิ้งหุ้น SST ออกไปแน่นอน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ทำมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ดังนั้นข่าวลือการปรับโครงสร้างใหม่จะไม่ได้จากกลุ่มของตนเองแน่
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายกมล เอี้ยวศิวิกูล หนึ่งในผู้ถือหุ้น ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ปัจจุบันตนเองมีหุ้นในSST เพียง 100 หุ้นตามสิทธิ์ของกรรมการบริษัทเท่านั้น และไม่ทราบสาเหตุถึงการปรับราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นSST จะพบว่ากลุ่ม ชินธรรมมิตร์ ถือหุ้นรวมกันประมาณ 23.40% ขณะที่กลุ่มสุขะนินทร์ ถือหุ้นรวมกันประมาณ 40.04% ส่วนนายกมล แม้จะไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท แต่พบว่า นางสาวจิตวดี เอี้ยวศิวิกูล เข้าถือหุ้นอยู่จำนวน 4.56%
โบรกฯแนะชะลอลงทุน
สำหรับภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาหลักทรัพย์ฯ วานนี้ ปรับตัวลงเล็กน้อย สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ปิดในแดนลบ เพราะนักลงทุนต่างวิตกกังวลว่าจะเหตุการณ์จะยืดเยื้อจึงกลายเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นไทยออกมา แต่ภาพรวมพบว่านักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิมากสุด โดยขายสุทธิ 216.51 ล้านบาท และ 181.52 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนทั่วไปมีการซื้อสุทธิ 398.02 ล้านบาท
สำหรันแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ น่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนควรจับตาการปิดล้อมทำเนียนรัฐบาลของกลุ่ม นปช. ดัชนีดาวโจนส์ และราคาน้ำมันโลก จึงแนะนำให้ควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ ซึ่งประเมินแนวรับอยู่ที่ 424-426 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 434-436 จุด
ด้าน นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า จากการชุมนุมปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลของกลุ่ม นปช.ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนด้วยความวิตกกังวลต่อเหตุการณ์ดังกล่าวว่าจะรุนแรงและกินระยะเวลานาน ขณะที่ปัจจัยในต่างๆ ประเทศไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรพิเศษ เนื่องจากอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจหดตัว จึงแนะนำให้ควรชะลอการลงทุนและถือเงินสดไว้ในมือ โดยมีแนวรับที่ 424 จุด และแนวต้านที่ 440 จุด
|
|
|
|
|