|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
กลุ่มอาคเนย์ประกาศจุดยืน เน้นการเติบโตอย่างมั่นคงเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองในหลักประกันและการบริการที่มั่นคง พร้อมทุ่ม 65 ล้านบาทรีแบรนด์ภาพลักษณ์ใหม่ เผยผลประกอบการปี 51 ยังมีการเติบโตกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ยันวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ไม่กระทบเพราะไม่มีพอร์ตลงทุนในต่างประเทศ
นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานคณะบริหารจัดการ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน อาคเนย์ เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมากลุ่มอาคเนย์ ซึ่งประกอบด้วย อาคเนย์ประกันชีวิต อาคเนย์ประกันภัย อาคเนย์แคปปิตอล ยังคงมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัท อาคเนย์ประกันชีวิต จำกัด ยังคงมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตปีแรกสูงถึง 49% ขณะที่บริษัท อาคเนย์ประกันภัย ก็มีอัตราการเติบโตเบี้ยประกันภัยสูงถึง 10.6% ส่วนบริษัท อาคเนย์แคปปิตอล ก็มีอัตราการเติบโตสูงถึง 13.5% เช่นกัน ซึ่งเป็นไปในแนวทางที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ซึ่งสำหรับธุรกิจประกันชีวิตมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 2% ธุรกิจประกันวินาศภัย 5 %และธุรกิจรถเช่า 8.4% ตามลำดับ
จากภาวะวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก กลุ่มอาคเนย์ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะดังกล่าวมากนัก เนื่องจากไม่มีการลงทุนใด ๆ ในต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังคงดำรงความแข็งแกร่งด้านเงินกองทุนไว้ได้สูงกว่าเกณฑ์ที่ คปภ.กำหนด โดยที่อาคเนย์ประกันชีวิตมีสัดส่วนอัตราเงินกองทุนสูงถึง 434% ซึ่งตามเกณฑ์ของกฎหมาย อาคเนย์ประกันชีวิตต้องดำรงเงินกองทุน 134 ล้านบาท และต้องดำรงเงินกองทุนตามเกณฑ์ ใหม่ของคปภ. ที่กำหนด 201 ล้านบาท หรือ 150% ของเงินกองทุนปกติตามกฎหมาย แต่อาคเนย์มีเงินกองทุนสูงถึง 582 ล้านบาท
ส่วนในด้านบริษัทอาคเนย์ประกันภัย ก็มีสัดส่วนอัตราเงินกองทุนสูงกว่าที่ คปภ.กำหนดไว้ถึง 600% หรือ 6 เท่าตามที่กฎหมายกำหนดไว้เช่นกัน ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีเงินกองทุน 739 ล้านบาท จึงแสดงให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าที่ทำประกันไว้กับอาคเนย์ประกันชีวิตและประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองในชีวิตและทรัพย์สินตามพันธสัญญาในกรมธรรม์โดยไม่มีความกังวลใดๆ ซึ่งอย่างไรก็ดีทั้งนี้กลุ่มอาคเนย์ ก็จะยังคงมุ่งมั่นในนโยบายการเติบโตอย่างมั่นคง เพื่อให้ผู้ใช้บริการหรือผู้ถือกรมธรรม์ได้รับหลักประกันความคุ้มครองที่ยั่งยืนตลอดไป
นายโชติพัฒน์กล่าวว่า ในปี 2552 จะเป็นยุคใหม่ของอาคเนย์ประกันชีวิต ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ ในฐานะผู้ให้บริการทางการเงิน และการประกันชีวิตอย่างมืออาชีพ โดยโครงการสำคัญในปี 2552 ได้แก่ โครงการพัฒนาตัวแทน Cyber Agent และ Office On-line กลยุทธ์ในการยกระดับตัวแทนอาคเนย์ให้มีความทันสมัย เข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และสามารถติดตามงานผ่านอินเตอร์เนตในการติดต่อประสานงานกับสำนักงานใหญ่ เป็นต้น และขยายช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายเพิ่มเติมจากช่องทางตัวแทน ได้แก่ Bancassurance Worksite Marketing Tele-Sales และ Multi Channel โดยในปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 44 %
สำหรับทางด้านอาคเนย์ประกันภัย ตั้งเป้าเติบโต 11 % มุ่งเน้นกลยุทธ์ “ Anywhere Anytime ” ซึ่งเป็นการให้บริการทุกที่ทุกเวลาด้วยสินค้าและบริการหลังการขาย ที่เอื้ออำนวยประโยชน์แก่ลูกค้าได้อย่างสะดวก ภายใน 5 ปีมีแผนงานที่จะเปิดสาขาให้ครอบคลุมครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ และนอกจากสำนักงานสาขาเหล่านี้จะเป็นจุดจำหน่ายสินค้าของอาคเนย์ได้อย่างทั่วถึงแล้ว ยังเป็นจุดแข็งของอาคเนย์ที่จะทำให้ทุกสาขาเป็นจุดให้บริการลูกค้าในทุกๆ ด้านตามกลยุทธ์บริการทุกที่ทุกเวลาได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนบริษัทอาคเนย์แคปปิตอล จะเน้นกลยุทธ์ Customer Centric นี้เพื่อความพึงพอใจสูงสุด โดยตั้งเป้าเติบโต 18% จากฐานเดิมของลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำและมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง
นายโชติพัฒน์ กล่าวว่าในปีนี้กลุ่มอาคเนย์ยังมีโครงการรีแบรนด์กลุ่มอาคเนย์เพื่อให้แบรนด์มีความทันสมัยมากขึ้นทั้งนี้ อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงินได้เติบโตและรับใช้สังคมไทยมายาวนานถึง 63 ปี จึงมีนโยบายปรับตำแหน่งด้านภาพลักษณ์ และบุคลิกภาพขององค์กรใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและกลุ่มลูกค้าในยุคปัจจุบัน โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณเบื้องต้นในปีนี้เป็นการเริ่มต้นการรีแบรนด์ประมาณ 65 ล้านบาท
"ในปี 2552 ซึ่งนับเป็นปีที่ประชาชนคนไทยจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง มีคนว่างงานมากขึ้น จึงเป็นจังหวะและโอกาสของอาคเนย์ ที่จะปรับกลยุทธ์พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสโดยใช้จังหวะเวลาที่คนไทยแสวงหาความมั่นคงนี้ มุ่งสร้างยุทธวิธีทางการตลาดให้มากที่สุด ทั่วทุกจุด ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รองรับเป้าหมายท็อปไนน์ ( Top 9 ) ภายในปี 2556"
|
|
|
|
|